พิชัยตีปี๊บถกภาษีทรัมป์ ไทยได้อัตราต่ำกว่า20%
“พิชัย” ขายฝันอีกรอบ บอกเจรจาภาษีทรัมป์ล่าสุด USTR ชื่นชม เชื่อได้อัตราภาษีไม่เกิน 20% เหมือนเวียดนาม-อินโดฯ แจงสินค้าภาษี 0% มีไม่มาก “ไหม” ภาวนาเอาใจช่วย แนะหันมาโฟกัสเรื่องเยียวยาผลกระทบและกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปีได้แล้ว
เมื่อวันที่ 18 ก.ค.2568 นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะหน้าทีมไทยแลนด์ในการเจรจาภาษีการค้ากับประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า เมื่อคืนวันที่ 17 ก.ค. ได้พูดคุยอย่างเป็นทางการครั้งที่ 2 กับผู้แทนการค้าอเมริกา (USTR) โดยได้ส่งข้อเสนอที่ได้รับการปรับปรุงไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้ และได้นำข้อเสนอเพิ่มเติม ซึ่งเราได้ย้ำว่า การปรับปรุงข้อเสนอครั้งนี้ เชื่อว่าจะเข้าตรงเป้า และเป็นที่พอใจกับอเมริกา ในขณะที่จะสร้างความสมดุลประโยชน์กับคนไทยและอุตสาหกรรมไทยได้เป็นอย่างดี
“หลายภาคส่วนเห็นว่าการเจรจาครั้งนี้ จะเป็นโอกาสดีที่ประเทศไทยจะได้ยกเครื่องเศรษฐกิจ ปรับปรุงโครงสร้าง จึงขอเป็นตัวแทนประเทศไทยขอบคุณทุกภาคส่วนที่ช่วยให้ความเห็นที่เป็นประโยชน์ คิดถึงภาพรวมของประเทศ และแสดงเจตจำนงที่จะเห็นประเทศไทยพัฒนาต่อเนื่องจนออกมาเป็นข้อเสนอล่าสุดนี้” นายพิชัยโพสต์ และว่า งานการเจรจานี้ จริงๆ แล้วยังไม่จบ มีงานเอกสารที่ต้องทำกันต่อเนื่อง และทีมไทยแลนด์ที่ประจำอยู่ที่กรุงวอชิงตันก็ยังเกาะติดสถานการณ์นี้อย่างต่อเนื่อง
นายพิชัยให้สัมภาษณ์เรื่องนี้อีกครั้งว่า ใช้เวลาเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐประมาณ 30 นาที โดยผลการหารือบรรยากาศดี โดย USTR บอกว่า Very Substantial Improvement ซึ่งคาดว่าไทยน่าจะได้รับอัตราภาษีที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันกับประเทศในภูมิภาคนี้ ที่สัดส่วนไม่เกิน 20% และคาดว่าก่อนสหรัฐจะเริ่มเก็บภาษีไทย วันที่ 1 ส.ค.นี้ เราจะได้รับคำตอบการประกาศอัตราภาษีใหม่ จากเดิมที่กำหนด 36%
“สินค้าที่เราเปิดให้นำเข้าอัตราภาษี 0% มูลค่าไม่ได้มีจำนวนมาก แต่ในเชิงเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม โดยเฉพาะซัพพลายเชน เอสเอ็มอี ยังยืนบนหลักการที่เราจะดูแลสินค้าเหล่านี้ก่อน และเมื่อทราบถึงจุดอ่อน เราก็จะมาเสริมสร้าง และเพิ่มประสิทธิภาพอย่างเร่งด่วน ยืนยันว่ายังดูแลภาคเกษตรกร โดยเฉพาะสินค้าบางชนิดที่เป็นกังวล เป้าหมายที่เราคุยกับสหรัฐไม่ได้ฝืนใจตัวเอง ยังอยากใช้คำว่า เป็น Win-Win ของประเทศอยู่”
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้รับทราบผลการเจรจาแล้ว และเห็นภาพโดยรวมแล้วถือว่าดี เป็นข้อเสนอ ข้อสรุปที่น่าจะดี แต่ยังไม่จบ มีบางส่วนที่ยังต้องดำเนินการอยู่
ด้าน น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวว่า ได้แต่ส่งกำลังใจ สวดภาวนา เพราะเราไม่รู้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นได้บ้าง การที่เราต้องดีลหรือเจรจากับประธานาธิบดีแบบโดนัลด์ ทรัมป์ ยิ่งทำให้คาดเดาอะไรไม่ได้ และหลังจากการเจรจารอบสุดท้าย ก่อนที่จะถึง 1 ส.ค. อยากให้รัฐบาล เปลี่ยนโฟกัสมามีสมาธิกับเรื่องการเยียวยาผลกระทบและการกระตุ้นเศรษฐกิจในปลายปี 2568 ต่อเนื่องไป 2569
เมื่อถามว่า จะมีข้อแนะนำใดไปถึงทีมเจรจาบ้าง น.ส.ศิริกัญญาระบุว่า เม็ดเงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2568 ที่อนุมัติไป 1.1 แสนล้านบาท เหลือไม่มากแล้ว เพราะอีก 4 หมื่นล้านบาท ดูเหมือนว่ายังทะเลาะกันไม่จบว่าจะแบ่งให้ใคร และไปในพื้นที่ไหนบ้าง โอกาสที่จะใช้ 4 หมื่นล้านบาทที่เหลือก็คงน้อยลงเรื่อยๆ เพราะเหลือไม่ถึง 2 เดือนก็จะหมดปีงบประมาณ
“เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย แต่ศึกหนัก ฝนฟ้าคะนอง พายุเศรษฐกิจที่จะโหมกระหน่ำใส่เราในปี 2569 จะยิ่งหนักกว่านี้ และเราไม่ได้เตรียมเม็ดเงินไว้เลย ไม่มีกระเป๋าสำรองใดๆ ทั้งสิ้น มีอย่างมากก็แค่ 2.5 หมื่นล้านบาท ที่อยู่ในงบ 2569 จึงเป็นสิ่งที่น่ากังวล” น.ส.ศิริกัญญากล่าว.