กทม.เร่งยกระดับรับมือแผ่นดินไหว ดึงเทคโนโลยีลดเสี่ยง-เพิ่มมั่นใจให้ประชาชน
วันที่ 21 ส.ค.2568 รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมพิธีเปิดและบรรยายในเวทีเสวนาจัดการความรู้ (KM Talk) “ถอดรหัสพลิกโฉมการบริหารจัดการธรณีพิบัติภัย นวัตกรรมเชิงนโยบาย เครื่องมือ กลไก และคน” หัวข้อ การบริหารจัดการธรณีพิบัติภัยของประเทศไทยและกรุงเทพมหานคร ประสบการณ์ บทเรียน และก้าวต่อไปอย่างยั่งยืน ณ ท้องประชุมกรมทรัพยากรธรณี ชั้น 1 อาคารเพชร กรมทรัพยากรธรณี ถ.พระรามที่ 6 เขตราชเทวี โดย นายพิชิต สมบัติมาก อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี เป็นประธานในพิธีเปิด
รองผู้ว่าฯ ทวิดา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีงานวิจัยเรื่องของมาตรการการลดความเสี่ยง เรื่องของลดผลกระทบที่เกิดจากแผ่นดินไหวในพื้นที่ของประเทศไทยทั้งหมด ซึ่งมีการออกแบบทางมาตรการทางด้านกฎหมาย การบริหารจัดการ การใช้ข้อมูล การบริหารคน การฝึกซ้อม การศึกษา และเศรษฐศาสตร์ วันนี้กรมทรัพยากรธรณีอยากจะเอาเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อออกแบบว่าพื้นที่ในประเทศไทยที่มีความเสี่ยงต่อแผ่นดินไหวที่แตกต่างกัน ท้องถิ่นแต่ละที่จะมีความเสี่ยงไม่เท่ากัน จากความเสี่ยงที่ต่างกันควรจะเริ่มลดความเสี่ยงไหนก่อน เพราะแต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกันมาตรการที่ออกมาก็จะแตกต่างกันตามพื้นที่ วันนี้เป็นการทบทวนมาตรการทั้งหมดที่คิดว่าจะรื้อขึ้นมาทำ ขณะเดียวกันจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ผ่านมาและวันนี้มีอีกครั้งก็เริ่มคิดว่ากรุงเทพมหานครอยากได้อะไรบ้าง อยากทบทวนพื้นที่ของกรุงเทพมหานครแอ่งดินอ่อนอยู่ตรงไหน โครงสร้างเป็นอย่างไร ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เหตุการณ์แผ่นดินไหวคราวที่แล้วเป็นการยืนยันว่าอาคารเราแข็งแรงเพราะไม่มีอาคารไหนที่ถล่ม ซึ่งภายในเดือนกันยายน 2568 กรุงเทพมหานครควรจะตรวจอาคารเสร็จตามคำร้องที่ขอความช่วยเหลือมา ทั้งหมดน่าจะ 45,231 เคส จากนั้นจะทำการเบิกจ่ายเงิน จากข้อมูลการตรวจอาคารครั้งนี้ประกอบกับกรมทรัพยากรธรณีให้ผู้เชี่ยวชาญดูเรื่องโครงสร้างเพิ่มขึ้นจะรู้จักแผ่นดินของกรุงเทพมหานครดีขึ้นกว่าเดิมและจะทำให้สามารถเสริมมาตรการให้คนตกใจน้อยลง การเข้าใจมากขึ้นจะทำให้คนรู้สึกมั่นใจมากขึ้น
จากเหตุการณ์แผ่นดินไหววันนี้อาคารธานีนพรัตน์ที่ดินแดง และโรงพยาบาลกลาง รู้สึกถึงแผ่นดินไหวแต่ไม่ได้มาก หวังว่าวันนี้จะช่วยออกแพ็คเกตให้ท้องถิ่นได้ดีขึ้น การลดความเสี่ยงแผ่นดินไหวให้ท้องถิ่นแต่ละแห่งไม่เหมือนกัน ใช้งบประมาณไม่เหมือนกัน การมีงานทางด้านวิชาการไปรองรับว่าพื้นที่แต่ละพื้นที่ควรทำโครงการอะไร ในส่วนของกรุงเทพมหานครมีความซับซ้อนมาก มีอาคารเอกชน บ้านเรือน อาคารรัฐ หากกรุงเทพมหานคร กรมทรัพยากรธรณี กรมโยธาธิการและผังเมือง และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จับมือกันทำเรื่องวิเคราะห์ข้อมูล ความเสี่ยง และเตรียมพร้อม เชื่อว่าจะทำให้ประชาชนตกใจน้อยลงเยอะ รวมถึงเรื่องรอยต่อระหว่างพื้นที่จังหวัดปริมณฑลก็ต้องช่วยกันบริหารจัดการในเรื่องต่าง ๆ เช่น เรื่องน้ำ การกัดเซาะพื้นที่ ควันไฟ PM2.5 พิษสุนัขบ้า เป็นต้น
“หากมีการเตรียมพร้อมให้อาคาร สิ่งก่อสร้าง รถไฟฟ้า สะพาน ที่เป็นกายภาพมั่นคง แข็งแรงที่สุด ใช้ถูกวัตถุประสงค์การใช้งาน การเตรียมความพร้อมด้านต่าง ๆ ก็จะทำให้มีความปลอดภัยมากขึ้น นอกจากนี้จะมีการจิ้มจุดรองรับประชาชนกรณีเกิดภัยต่าง ๆ ว่าจะต้องเตรียมพื้นที่รองรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบหรือเดือดร้อนอย่างไรบ้าง รวมถึงมีการเตรียมแผนสอง และแผนสามรองรับไว้ด้วย” รองผู้ว่าฯ ทวิดา กล่าวในตอนท้าย