Vitalik หนุนกระแส Ether Treasury แต่เตือนอย่าให้กลายเป็นเกมเลเวอเรจเกินตัว
Vitalik หนุนกระแส Ether Treasury แต่เตือนอย่าให้กลายเป็นเกมเลเวอเรจเกินตัว
ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum ออกมาแสดงจุดยืนสนับสนุนการเติบโตของ Ether Treasury Companies หรือบริษัทมหาชนที่ถือครอง ETH เป็นสินทรัพย์ในคลัง เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนหลากหลายกลุ่มเข้าถึงการลงทุนใน ETH ได้ง่ายขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน เขาเตือนว่ากระแสนี้อาจกลายเป็น “เกมเลเวอเรจเกินตัว” หากไม่มีการจัดการอย่างรอบคอบ
Vitalik กล่าวในพอดแคสต์ Bankless ว่าการที่บริษัทต่าง ๆ เข้าซื้อ ETH และเปิดโอกาสให้นักลงทุนถือหุ้นในบริษัทเหล่านี้ แทนการถือโทเคนโดยตรง ถือเป็นการสร้าง “ทางเลือกใหม่” ให้ผู้ลงทุนที่มีข้อจำกัดด้านการเงินหรือการจัดการสินทรัพย์ อย่างไรก็ตาม เขาเน้นว่าการเติบโตของ ETH ไม่ควรแลกมากับความเสี่ยงจากเลเวอเรจเกินพอดี เพราะหากราคา ETH ร่วงอย่างหนัก อาจเกิดการบังคับขาย (forced liquidation) ที่ลุกลามและทำลายความน่าเชื่อถือของเครือข่ายได้
แม้จะมีความกังวล แต่ Vitalik ยังเชื่อว่านักลงทุน ETH มีวินัยเพียงพอที่จะหลีกเลี่ยงวิกฤต พร้อมย้ำว่ากลุ่มนี้ไม่ใช่ผู้ติดตามแนวคิดเสี่ยงสูงแบบ “โด ควอน” แห่ง Terra ที่เคยล่มสลายในปี 2022
ปัจจุบันตลาดบริษัทมหาชนที่ถือ ETH มีมูลค่ารวมราว 11.77 พันล้านดอลลาร์ โดย BitMine Immersion Technologies ครองอันดับหนึ่ง ถือ 833,100 ETH มูลค่า 3.2 พันล้านดอลลาร์ ตามมาด้วย SharpLink Gaming 2 พันล้านดอลลาร์ และ The Ether Machine 1.34 พันล้านดอลลาร์
12 ผู้ถือครอง ETH รายใหญ่ที่สุด ที่มา: StrategicETHReserve.xyz
ราคา ETH ในปีนี้มีความผันผวนสูง โดยร่วงจาก 3,685 ดอลลาร์เมื่อต้นปี ลงไปต่ำสุดที่ 1,470 ดอลลาร์ในเดือนเมษายน ก่อนจะฟื้นตัวกว่า 163% มาที่ราว 3,870 ดอลลาร์ในปัจจุบัน กระแส Ether Treasury ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนราคาและทำให้ ETH กลับมาใกล้เคียงระดับของ Bitcoin และ Solana ในรอบบูลรันนี้
อ้างอิง : cointelegraph.com
ที่มา https://www.bitcoinaddict.com/news/vitalik-support-eth-treasury-warning
ทรัมป์ลงนามคำสั่งพิเศษ ห้ามหน่วยงานรัฐ “Debanking” ธุรกิจคริปโตไม่เป็นธรรม
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหาร (Executive Order) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เพื่อป้องกันไม่ให้หน่วยงานกำกับดูแลของรัฐบาลกลางใช้เหตุผลด้าน “ความเสี่ยงด้านชื่อเสียง” (Reputational Risk) เป็นข้ออ้างในการกดดันหรือจำกัดสถาบันการเงินที่ให้บริการแก่ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล
จุดประสงค์ของคำสั่งนี้
- แก้ปัญหา “Operation Choke Point 2.0” ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นการกดดันธนาคารให้ปิดบัญชีหรือหยุดให้บริการธุรกิจคริปโต
- ลบ “ความเสี่ยงด้านชื่อเสียง” ออกจากเกณฑ์การกำกับดูแลของ Federal Reserve, OCC และ FDIC
- สร้างความมั่นใจให้สถาบันการเงินสามารถให้บริการลูกค้าในอุตสาหกรรมคริปโตโดยไม่ถูกเลือกปฏิบัติ
เบื้องหลังและผลกระทบ
“Operation Choke Point 2.0” ถูกนักลงทุนคริปโตและผู้ประกอบการร้องเรียนมาหลายเดือนว่าเป็นการปิดกั้นทางการเงินอย่างไม่เป็นธรรม คล้ายกับ “Operation Choke Point” ปี 2013 ที่เคยใช้จำกัดการให้บริการทางการเงินแก่อุตสาหกรรมที่ถูกมองว่ามีความเสี่ยงสูง เช่น สินเชื่อดอกเบี้ยสูงและอาวุธปืน
คำสั่งของทรัมป์ได้รับเสียงสนับสนุนจากสมาชิกสภาคองเกรส เช่น
- French Hill ประธานคณะกรรมาธิการการเงินสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ที่มองว่านี่คือ “ก้าวสำคัญ” ในการปกป้องเสรีภาพทางการเงินของชาวอเมริกัน
- Cynthia Lummis วุฒิสมาชิกจากรัฐไวโอมิง ที่ชี้ว่าคำสั่งนี้จะเพิ่มความโปร่งใสและปิดช่องทางการเลือกปฏิบัติในอุตสาหกรรมคริปโต
ผลต่อวงการคริปโต
การเคลื่อนไหวนี้คาดว่าจะช่วยให้สถาบันการเงินในสหรัฐฯ กล้าทำธุรกิจและให้บริการกับบริษัทคริปโตมากขึ้น ลดความเสี่ยงในการถูกปิดบัญชีแบบไม่มีเหตุผล และช่วยฟื้นความเชื่อมั่นของผู้เล่นในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล
อ้างอิง : theblock.co
ที่มา https://www.bitcoinaddict.com/news/trump-executive-order-stop-crypto-debanking
ทรัมป์เตรียมเซ็นคำสั่ง เปิดทางสินทรัพย์ดิจิทัลเข้าสู่แผนเกษียณ 401(k)
สหรัฐฯ อาจกำลังเข้าสู่ยุคใหม่ของการลงทุนเกษียณ เมื่อประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมลงนามในคำสั่งพิเศษ (Executive Order) เพื่อเปิดโอกาสให้สินทรัพย์ดิจิทัล เช่น คริปโตเคอร์เรนซี ถูกบรรจุไว้ในแผนเกษียณ 401(k) ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีมูลค่ารวมกว่า 12.5 ล้านล้านดอลลาร์
ปรับข้อจำกัดการลงทุนสินทรัพย์ทางเลือก
ทำเนียบขาวยืนยันว่า คำสั่งดังกล่าวจะมอบหมายให้กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ (US Labor Department) ทบทวนข้อจำกัดเกี่ยวกับการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกภายในแผน 401(k) เช่น
- คริปโตเคอร์เรนซี
- กองทุน Private Equity
- อสังหาริมทรัพย์
พร้อมทั้งให้คำแนะนำเกี่ยวกับขั้นตอนการบริหารจัดการที่เหมาะสมสำหรับการนำสินทรัพย์เหล่านี้เข้าสู่พอร์ตเกษียณ
ผลกระทบต่อวงการคริปโต
หากคำสั่งนี้มีผลบังคับใช้จริง จะเป็นก้าวสำคัญต่อวงการคริปโต เพราะจะเปิดทางให้ผู้ลงทุนรายย่อยเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลได้ผ่านแผนเกษียณอย่างถูกกฎหมาย หลังจากที่ที่ผ่านมา ถูกจำกัดด้วยความเสี่ยงด้านกฎระเบียบและความผันผวนของตลาด
การประสานงานหลายหน่วยงาน
คำสั่งของทรัมป์ยังเรียกร้องให้มีการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานหลัก ได้แก่
- กระทรวงการคลังสหรัฐฯ (Treasury)
- คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC)
เพื่อพิจารณาปรับปรุงกฎระเบียบที่เอื้อต่อการนำสินทรัพย์ทางเลือกเข้าสู่ผลิตภัณฑ์การลงทุนเกษียณ
ย้อนความเปลี่ยนนโยบาย
ก่อนหน้านี้ ในเดือนพฤษภาคม กระทรวงแรงงานเพิ่งยกเลิกแนวทางปี 2022 ที่เคยเตือนให้ผู้จัดการกองทุน 401(k) ระมัดระวังอย่างยิ่งต่อการใส่คริปโตในพอร์ต โดยครั้งนี้ถือเป็นการส่งสัญญาณกลับทิศ และอาจเป็นการวางรากฐานใหม่ให้กับการลงทุนระยะยาวของชาวอเมริกัน
สรุป: หากคำสั่งนี้เดินหน้าจริง จะเป็นการปฏิรูปครั้งใหญ่ที่ทำให้คริปโตมีบทบาทในตลาดการเงินกระแสหลักมากขึ้น และอาจดึงเม็ดเงินมหาศาลจากตลาดเกษียณเข้าสู่วงการสินทรัพย์ดิจิทัล
อ้างอิง : cointelegraph.com
ที่มา https://www.bitcoinaddict.com/news/trump-crypto-401k-retirement-plan