โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เปิดสัมมนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ “สร้างสรรค์สังคมไทยด้วยมือเรา”

สำนักข่าวไทย Online

อัพเดต 18 สิงหาคม 2568 เวลา 22.12 น. • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • สำนักข่าวไทย อสมท

รร. เดอะ ทวิน ทาวเวอร์ 18 ส.ค.- ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดกิจกรรมสัมมนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ “สร้างสรรค์สังคมไทยด้วยมือเรา” ในโครงการเด็กอวด(ทำ) ดี รุ่นที่ 3 หวัง เด็กและเยาวชนมีความรู้รักสามัคคี สำนึกความเป็นไทยเพิ่มศักยภาพผลิตสื่อที่มีคุณค่าเป็นประโยชน์กับประเทศชาติ

นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมสัมมนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ “สร้างสรรค์สังคมไทยด้วยมือเรา” ในโครงการเด็กอวด(ทำ) ดี รุ่นที่ 3 (ครั้งที่ 1) ณ โรงแรม เดอะ ทวิน ทาวเวอร์ กรุงเทพมหานคร โดยมี นายภูมินทร ปลั่งสมบัติ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานอนุกรรมการอำนวยการโครงการเด็กอวด (ทำ) ดี ,นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ประธานอนุกรรมการพิจารณาคัดเลือกเด็กและเยาวชนในโครงการเด็กอวด (ทำ) ดี พร้อมด้วยนายนพพร บุญแก้วรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้อำนวยการสำนักงานเสริมสร้างเอกลักลักษณ์ของชาติ อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ผู้บริหารสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมในพิธีเปิดกิจกรรมสัมมนาฯ

นางยุพา กล่าวว่า เราตั้งเป้าว่า อยากให้เด็กและเยาวชนมีความรู้รักสามัคคี และสำนึกความเป็นไทย การจะปลูกฝังเด็กและเยาวชนเราอยากให้พวกเขาซึมซับด้วยการหาข้อมูลของตนเอง การเปิดพื้นที่ นอกจากให้ความรู้ยังเพิ่มศักยภาพของเด็กให้ผลิตสื่อ ให้เป็นนักเล่าเรื่องที่ดีนำสิ่งที่มีคุณค่าและเห็นว่าเป็นประโยชน์กับประเทศชาติ ซึ่งเด็กและเยาวชนในปัจจุบันเก่งและสามารถผลิตสื่อได้เอง จึงจำเป็นต้องปลูกฝังเรื่องค่านิยมที่ดี เป็นนักสร้างสรรค์สื่อที่ดีและปลอดภัย โดยเด็กและเยาวชนมีความกระตือรือร้น รวมถึงมีวิทยากรจากมหาวิทยาลัยรังสิต ที่จะสอนตั้งแต่วิธีการคิดการนำเสนอเรื่องราว ครีเอทีฟงานสร้างสรรค์ให้มีความน่าสนใจแต่เต็มไปด้วยสาระความรู้ เป็นอีกหนึ่งเวทีที่เปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชน

ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่าในอนาคตจะเพิ่มระดับความเข้มข้น โดยเฉพาะ ปัจจุบัน AI เข้ามามีบทบาท เราเน้นเรื่องเทคโนโลยี แต่ต้องไม่ลืมเรื่อง สาระที่ต้องสอดแทรกเข้าไปนำเสนอผ่านเทคโนโลยีเหล่านี้ โดยสำนักนายกรัฐมนตรีหากกระบวนการคิดเหล่านี้และหาแนวร่วมที่สนับสนุนงบประมาณในการผลิตสื่อที่ดีของเด็กและเยาวชน เพื่อทำให้องค์กรมีความเข้มแข็งขึ้น

“ทุกวันนี้สื่อเข้าถึงทุกคนอย่างง่ายดายแต่อยากให้สังคมมีสื่อที่ดีไปล้างสื่อที่ไม่เป็นประโยชน์และไม่สร้างสรรค์ ดังนั้นโครงการเด็กอวดทำดี นอกจากเปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนได้คิดโครงการที่ดี ได้เรียนรู้จากวิทยากร จึงเป็นสิ่งสำคัญและเราทุกคนต้องช่วยกัน พร้อมขอให้แสดงศักยภาพปล่อยของสร้างสรรค์สิ่งดีๆ และสร้างผลงานสู่สังคม” นางยุพา กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโครงการเด็กอวด (ทำ) ดี โดยคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการพัฒนาและเสริมสร้างเยาวชนไทยให้เติบโตเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า ซึ่งถือเป็นกำลังสำลังสำคัญในการสร้างอนาคตของประเทศให้เจริญก้าวหน้า รวมทั้งมีบทบาทสำคัญในการสืบทอดขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรมและเอกลักษณ์ของชาติ การพัฒนาศักยภาพของเด็ก ทั้งในด้านความสามารถในการเรียนรู้และคณธรรม คำนึงถึงถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน มีความสามารถในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างสร้างสรรค์ เป็น”คนเก่ง” ควบคู่ไปกับการเป็น “คนดี” ของสังคม จึงเห็นสมควรให้มีการดำเนินโครงการเด็กอวด (ทำ) ดี ขึ้น ซึ่งในปีนี้ เป็นการจัดดำเนินการในรุ่นที่ 3 เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กที่มีอายุระหว่าง 15- 18 ปี ได้แสดงออกทางความคิด พัฒนาศักยภาพ เรียนรู้การทำงางานเป็นทีมผ่านการศึกษา ค้นคว้า และการปฏิบัติจริงร่วมกับบุคลากรในชุมชนหรือท้องถิ่นของตนเอง ภายใต้กรอบแนวคิด “รู้ รัก สามัคคี” เพื่อพิจารณาคัดเลือกรับรางวัล “เด็กไทยต้นแบบ” ต่อไป

โดยมีเด็กและเยาวชนทั่วประเทศสมัครเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 656 ทีม และมีคณะอนุกรรมคัดเลือกทีมที่มีคะแนนสูงสุด 120 ทีม เพื่อร่วมกิจกรรมสัมมนาแลกเปลี่ยนความรู้ จากนั้นจะมีการเวิร์คช็อป การฝึกปฏิบัติธรรมสื่อเพื่อเผยแพร่นำความรู้ไปจัดทำเป็นแบบเสนอโครงการ คัดเหลือ 50 ทีม ซึ่งทีมที่ได้รับการคัดเลือก จะได้รับเงินงบประมาณสนับสนุนเพื่อลงพื้นที่นำโครงการไปปฏิบัติจริง เป็นเวลา 4 เดือน เป็นจำนวนเงิน 30,000 บาท เพื่อนำผลงานที่มีความโดดเด่นสำเร็จเป็นที่ประจักษ์ในการคัดเลือกมอบรางวัลเด็กไทยต้นแบบในเดือนมิถุนายน 2569

ทั้งนี้มีหน่วยงานภาครัฐ ภาคีเครือข่ายภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา ได้แก่ มหาวิทยาลัยรังสิต กลุ่มบริษัท บีเจซี บิ๊กชี บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด และ กลุ่มเซ็นทรัล ที่มีส่วนในการให้การสนับสนุนการดำเนินโครงการฯ ให้เป็นไป ด้วยความเรียบร้อย และบรรลุตามวัตถุประสงค์.-316 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก สำนักข่าวไทย Online

ศก.ไทยดีขึ้น GDP ไตรมาส2 ขยายตัวร้อยละ 2.8

9 นาทีที่แล้ว

รัฐบาลยันไม่รื้อลวดหนามชายแดนไทย-กัมพูชา มีแต่ทำเพิ่ม

9 นาทีที่แล้ว

สรรพากร เข้ม! หักลดหย่อนทำบุญวัดผ่านระบบ e-Donation

23 นาทีที่แล้ว

ผู้นำฝ่ายค้านควง “วิโรจน์” รับฟังปัญหาชายแดนบุรีรัมย์

28 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

‘หลวงพ่ออลงกต’ ยืนยันยังไม่ลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ

ข่าวช่องวัน 31

สว. เดชา ค้านแก้นิยามกฎหมาย ‘คุกคามทางเพศ’ ชี้เป็นเรื่องธรรมชาติมนุษย์ หวั่นตีความเกินจริง

THE STANDARD

ศก.ไทยดีขึ้น GDP ไตรมาส2 ขยายตัวร้อยละ 2.8

สำนักข่าวไทย Online

รัฐบาลยันไม่รื้อลวดหนามชายแดนไทย-กัมพูชา มีแต่ทำเพิ่ม

สำนักข่าวไทย Online

ตำรวจออสเตรเลียยึด ‘โคเคน’ 80 กก. พบในตู้คอนเทนเนอร์จากสหรัฐฯ

Xinhua

อดีตผอ.สปสช.กทม. ไม่นิ่งนอนใจ! เล่าถึงหมอสุภัทร ยัน การจัดซื้อ ATK ถือเป็นความสำเร็จของคนกระทรวงสาธารณสุขโดยแท้

TOJO NEWS

บอร์ด สปสช. ไฟเขียว บัตรทอง 30 บาท บริการสุขภาพจิตครบวงจร

The Bangkok Insight

กองทัพ ยันคลิปรื้อถอนหลักเขตแดนเป็นข่าวบิดเบือน หวังสร้างความเข้าใจผิดต่อสังคม

Manager Online

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...