เจาะเกณฑ์อภัยโทษเป็นการทั่วไป ปี 68 ปล่อยตัว-ลดโทษ’ชั้นดี’ขึ้นไป
สถิติปัจจุบันมีนักโทษเด็ดขาด 216,522 ราย ในจำนวนนี้เข้าข่ายได้รับอภัยโทษ 81,333 ราย เป็นกรณีปล่อยตัวพ้นโทษ 25,334 ราย และกรณีลดโทษ 55,999 ราย
“ทีมข่าวอาชญากรรม” เจาะหลักเกณฑ์อภัยโทษเป็นการทั่วไปฉบับล่าสุด เปรียบเทียบจากหลักเกณฑ์อภัยโทษเป็นการทั่วไปเมื่อปี 67 หลายหลักเกณฑ์มีการปรับเปลี่ยน อาทิ
“ผู้ได้รับการปล่อยตัวคุมประพฤติ” จะไม่ได้ปล่อยตัวทั้งหมดเช่นอภัยโทษปี 67แต่ให้ลดโทษลง 1 ใน 3 จากกำหนดโทษที่เหลืออยู่นับแต่วันที่ได้รับการปล่อยตัวคุมประพฤติ เว้นแต่มีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งตามหลักเกณฑ์ ให้ปล่อยตัว เช่น ต้องโทษจำคุกไม่ว่าคดีเดียวหรือหลายคดี แต่โทษจำคุกเหลือไม่เกิน 1 ปี หรือกรณีพิการ เจ็บป่วยร้ายแรง มะเร็งระยะสุดท้าย เป็นต้น
นอกจากนี้ ที่น่าสนใจคือ “ชั้นนักโทษเด็ดขาด”ตามกฎหมายว่าด้วยราชทัณฑ์หรือกฎหมายว่าด้วยเรือนจำทหารที่ได้รับประโยชน์จากอภัยโทษเป็นการทั่วไปปี 68 จะมีแค่นักโทษเด็ดขาด“ชั้นเยี่ยม” “ชั้นดีมาก” และ“ชั้นดี” ส่วนนักโทษ “ชั้นกลาง”ที่เคยได้รับประโยชน์ไม่เข้าหลักเกณฑ์
ทั้งนี้ กรณีต้องโทษจำคุกตลอดชีวิต จะได้รับอภัยโทษลดโทษ เป็นจำคุก 50 ปี และให้ลดโทษตามลำดับชั้น ดังนี้ ชั้นเยี่ยม 1 ใน 4 , ชั้นดีมาก 1 ใน 5 และชั้นดี 1 ใน6 (อภัยโทษปี 67 ชั้นเยี่ยม 1 ใน 3 , ชั้นดีมาก 1 ใน 4 , ชั้นดี 1 ใน 5 และชั้นกลาง 1 ใน 6 **แต่ปี 68 ไม่มีการเปลี่ยนกำหนดโทษจำคุก 50 ปี ให้ชั้นกลาง)
ขณะนักโทษเด็ดขาดที่เกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด กรณีต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกไม่เกิน 8 ปี ได้อภัยลดโทษ ดังนี้ ชั้นเยี่ยม 1 ใน 6 , ชั้นดีมาก 1 ใน 7 , ชั้นดี 1 ใน 8 (อภัยโทษปี 67 ชั้นเยี่ยม 1 ใน 5 , ชั้นดีมาก 1 ใน 6 , ชั้นดี 1 ใน 7 , ชั้นกลาง 1 ใน 8)
แต่หากเป็นนักโทษเด็ดขาดที่เกี่ยวข้องกับคดียาเสพติดที่ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกเกิน 8 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต กรณีจำคุกตลอดชีวิต ให้เปลี่ยนเป็นโทษจำคุก 50 ปี แล้วให้ลดตามลำดับชั้น ดังนี้ ชั้นเยี่ยม 1 ใน 7 , ชั้นดีมาก 1 ใน 8 , ชั้นดี 1 ใน 9 (อภัยโทษปี 67 ชั้นเยี่ยม 1 ใน 6 , ชั้นดีมาก 1 ใน 7 , ชั้นดี 1 ใน 8 , ชั้นกลาง 1 ใน 9)
สำหรับนักโทษเด็ดขาดที่เกี่ยวข้องกับคดีการทุจริต คดีฮั้วประมูล ได้อภัยโทษลดโทษ กรณีต้องโทษจำคุกตลอดชีวิตให้เปลี่ยนโทษจำคุก 50 ปี แล้วให้ลดโทษตามลำดับชั้น คือ ชั้นเยี่ยม 1 ใน 8 , ชั้นดีมาก 1 ใน 9 , ชั้นดี 1 ใน 10 (อภัยโทษปี 67 ชั้นเยี่ยม 1 ใน 7 , ชั้นดีมาก 1 ใน 8 , ชั้นดี 1 ใน 9 , ชั้นกลาง 1 ใน 10)
ส่วนนักโทษเด็ดขาดที่ไม่อยู่ในข่ายรับการอภัยโทษปี 68 ประกอบด้วย
-นักโทษเด็ดขาดซึ่งมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษประหารชีวิตที่เคยได้รับพระราชทานอภัยโทษแล้ว และได้จำคุกมาแล้วถึงวันที่พ.ร.ฎ.นี้ใช้บังคับไม่เกิน 15 ปี และมิใช่นักโทษเด็ดขาดชั้นเยี่ยม (ต่างจากอภัยโทษปี 67 ที่ต้องได้จำคุกมาแล้วถึงวันที่พ.ร.ฎ.ใช้บังคับไม่เกิน 10 ปี)
-นักโทษคดียาเสพติดที่พิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกเกิน 8 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต ภายหลังวันที่พ.ร.ฎ.ฉบับนี้ใช้บังคับ
-ผู้กระทำผิดซ้ำและมิใช่นักโทษเด็ดขาดชั้นเยี่ยม
-นักโทษเด็ดขาดชั้นกลาง ชั้นต้องปรับปรุง หรือชั้นต้องปรับปรุงมาก
นอกจากนี้ ในส่วนนักโทษเด็ดขาดซึ่งต้อง“โทษประหารชีวิต” ให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษลงเป็นโทษ “จำคุกตลอดชีวิต” โดยนักโทษเด็ดขาดซึ่งต้องโทษประหารชีวิตที่เคยได้รับพระราชทานอภัยโทษแล้วและได้รับโทษจำคุกมาแล้วถึงวันที่พ.ร.ฎ.นี้ใช้บังคับเกิน 15 ปี และเป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นเยี่ยม ให้ได้รับอภัยโทษลดโทษจากกำหนดโทษลง 1 ใน 8 กรณีที่เคยได้รับอภัยโทษลดโทษเป็นโทษจำคุกตลอดชีวิต ให้เปลี่ยนเป็นกำหนดโทษจำคุก 50 ปี แล้วให้ลดโทษจากกำหนดโทษลง 1 ใน 8 (อภัยโทษปี 67 กำหนดถึงวันที่พ.ร.ฎ.ใช้บังคับไม่เกิน 10 ปี และลดโทษสัดส่วน 1 ใน 7)
ตามขั้นตอนหลักประกาศพ.ร.ฎ.มีผลบังคับใช้ กรมราชทัณฑ์ต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นตรวจสอบรายชื่อและคุณสมบัติให้ถูกต้อง โดยกลุ่มที่ได้รับการปล่อยตัวพ้นโทษจะเสนอรายชื่อไปยังศาลเพื่อขอหมายปล่อย และถือว่าพ้นโทษต่อเมื่อมีหมายปล่อยจากศาล ซึ่งจะได้รับ“ใบบริสุทธิ์” ซึ่งเป็นใบสำคัญแสดงการปล่อยตัวตามกฎหมาย และสามารถใช้ในการปลดชื่อออกจากทะเบียนประวัติอาชญากร
เอกสารนี้หากหายต้องแจ้งความ และติดต่อกรมราชทัณฑ์เพื่อออกใบบริสุทธิ์ฉบับใหม่ เพราะหากเจ้าพนักงานเรือนจำ พนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจ เรียกให้แสดงหนังสือสำคัญแล้วไม่แสดง สามารถจับส่งเรือนจำตามบทบัญญัติ ข้อ 51 กฎกระทรวงกําหนดประโยชน์ของนักโทษเด็ดขาดและเงื่อนไขที่นักโทษเด็ดขาดซึ่งได้รับการลดวันต้องโทษจำคุกหรือการพักการลงโทษและได้รับการปล่อยตัวต้องปฏิบัติ พ.ศ.2562.
ทีมข่าวอาชญากรรม รายงาน