เบรคหน้า เบรคหลัง ต่างกันอย่างไร? รู้ก่อนใช้ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่
ระบบเบรคหน้าและเบรคหลังเป็นส่วนสำคัญของการหยุดรถที่ปลอดภัย แม้หน้าที่หลักจะเหมือนกันคือชะลอหรือหยุดรถ แต่การทำงานและบทบาทของแต่ละระบบต่างกันอย่างชัดเจน รู้จักความแตกต่างนี้จะช่วยให้คุณขับขี่ได้มั่นใจและปลอดภัยยิ่งขึ้น
เบรคหน้า เบรคหลัง ทำงานต่างกันอย่างไร?
เบรคหน้าและเบรคหลังในรถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์ มีหน้าที่คล้ายกันคือชะลอหรือหยุดรถ แต่การทำงานและบทบาทของทั้งสองระบบแตกต่างกันในหลายด้าน เนื่องจาก น้ำหนักและแรงเฉื่อยของรถ ทำให้ต้องออกแบบให้สมดุลเพื่อความปลอดภัย ซึ่งความแตกต่างของเบรคหน้าและเบรคหลัง
1. แรงเบรคที่แตกต่างกัน
เบรคหน้า
ทำหน้าที่เป็นตัวหลักในการชะลอความเร็วของรถ โดยรับภาระแรงเบรคมากที่สุด (ประมาณ 60-80%) ซึ่งเวลาที่รถกำลังชะลอ น้ำหนักจะถ่ายไปด้านหน้า ทำให้ยางหน้ามีแรงกดมาก ทำให้สามารถสร้างแรงเสียดทานได้สูง
เบรคหลัง
เบรคหลังก็นับเป็นเบรคที่มีหน้าที่สำหรับการชะลอรถ แต่จะมีแรงเบรคน้อยกว่าเบรคหน้ามากๆ (ประมาณ 20-40%) เพื่อป้องกันไม่ให้ล้อหลังล็อค และเป็นเหตุให้รถเสียการทรงตัว
2. ชนิดของเบรค
เบรคหน้า
สำหรับเบรคหน้า ต้องใช้จานเบรกใหญ่และระบบที่มีประสิทธิภาพ เช่น Disc Brake ซึ่งจะมีประสิทธิภาพเบรกสูงและทำงานได้ดีในสภาพเปียก รวมถึงสามารถระบายความร้อนได้ดีกว่า
เบรคหลัง
สำหรับเบรคหลัง ส่วนใหญ่จะใช้เป็น Drum Brake ซึ่งมีแรงในการเบรคสูงแม้จะใช้แรงกดน้อย และมีอายุการใช้งานที่นานกว่า
3. ลักษณะการทำงาน
เบรคหน้า
ออกแบบให้ตอบสนองไว และแรงกดสูง เหมาะกับการหยุดรถอย่างรวดเร็ว ซึ่งหากใช้เบรคหน้าแรงเกินไป ล้อหน้าจะล็อก และรถอาจเสียการทรงตัวหรือหน้าทิ่ม
เบรคหลัง
ทำงานเสริมเพื่อช่วยทรงตัว ไม่ทำให้ท้ายสะบัดเวลาหยุด ซึ่งหากใช้เบรคหลังแรงเกินไป ล้อหลังจะล็อก รถอาจปัดท้ายหรือหมุน
สรุป
เบรกหน้าและเบรกหลังทำงานร่วมกันเพื่อให้การหยุดรถเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เบรกหน้ารับแรงเบรกส่วนใหญ่เพราะน้ำหนักรถถ่ายไปข้างหน้าเวลาชะลอ ทำให้สร้างแรงเสียดทานได้สูงและหยุดรถได้รวดเร็ว ขณะที่เบรกหลังทำหน้าที่เสริมการทรงตัว ป้องกันไม่ให้ท้ายรถสะบัดหรือล็อกง่ายจนเสียการควบคุม การเข้าใจความแตกต่างและวิธีใช้เบรกทั้งสองอย่างเหมาะสม จะช่วยเพิ่มความมั่นใจและความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ในทุกสถานการณ์
อ่านเพิ่ม