สรุปงาน Delta ESG Forum 2025 ร่วมกำหนดทิศทางสู่ไทยที่ยั่งยืน-เท่าเทียมยิ่งขึ้น
เดลต้า อีเลคโทรนิคส์(ประเทศไทย) จัดงานDelta ESG Forum 2025 ภายใต้แนวคิด“ร่วมพลังทุกภาคส่วน เพื่อประเทศไทยที่ยั่งยืน” เพื่อแลกเปลี่ยนแนวทางการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน รวมถึงส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ ในการสนับสนุนเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนและการเติบโตอย่างทั่วถึงของประเทศไทย
นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวในการบรรยายเปิดงานในหัวข้อ“บทบาทความร่วมมือภาคส่วนเพื่อเป้าหมายด้านESG” ว่า“ความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างประเทศไทยให้มีความยืดหยุ่น มีความสามารถในการแข่งขันและพร้อมรับมือกับความท้าทายกับความเปลี่ยนแปลงด้านสภาพภูมิอากาศ ซึ่งทุกคนและทุกภาคส่วนต้องเริ่มดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อนำพาประเทศไทยสู่การบรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี2593 และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี2608 โดยเดลต้ายังคงเป็นต้นแบบสำคัญของพันธมิตรภาคเอกชนของเราที่ร่วมขับเคลื่อนความเป็นเลิศด้านESG ในภาคอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง”
นายวิคเตอร์ เจิ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์(ประเทศไทย) กล่าวในคำกล่าวต้อนรับหัวข้อ“กำหนดอนาคตของประเทศไทยผ่านแนวทางด้านESG” กล่าวเน้นย้ำ“เดลต้ามุ่งมั่นสนับสนุนเป้าหมายของประเทศไทยในการก้าวสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ผ่านการแบ่งปันความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของเราในการขับเคลื่อนกลยุทธ์และแนวทางESG ตลอดจนส่งเสริมความร่วมมือข้ามอุตสาหกรรม และนำเสนอโซลูชันสมาร์ทกรีนที่สร้างผลลัพธ์ด้านESG อย่างเป็นรูปธรรม ตั้งแต่การกำหนดราคาคาร์บอนภายใน ไปจนถึงนวัตกรรมสีเขียว และการจัดงานDelta ESG Forum เรามุ่งมั่นสร้างผลกระทบเชิงบวกอย่างแท้จริง โดยการเสริมศักยภาพให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสามารถปรับตัว ปฏิบัติตาม และเติบโตอย่างมีความรับผิดชอบในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
นายวิคเตอร์ เจิ้ง ยังกล่าวถึงความสำเร็จของเดลต้าในการพัฒนาโซลูชันและผลิตภัณฑ์ประสิทธิภาพสูง ซึ่งช่วยลูกค้าทั่วโลกประหยัดพลังงานไฟฟ้าไปแล้วกว่า52,000 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง ระหว่างปี2553 ถึง2567 หรือเทียบเท่ากับปริมาณการใช้ไฟฟ้าของประเทศไทยเกือบ3 เดือน โดยความสำเร็จนี้เกิดขึ้นได้จากความมุ่งมั่นของบริษัทในการพัฒนาอย่างยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ นายวิคเตอร์ เจิ้ง ยังเน้นย้ำว่า ในฐานะผู้ผลิตอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย และได้รับรางวัลระดับนานาชาติด้านESG เดลต้า ประเทศไทยพร้อมสนับสนุนธุรกิจไทยให้สามารถบรรลุเป้าหมายและมาตรฐานESG ระดับโลก ผ่านการวางกลยุทธ์ การส่งเสริมนวัตกรรม และเทคโนโลยีล้ำสมัยแห่งอนาคต
คุณโมน่า หยาง ผู้จัดการแผนกความยั่งยืนองค์กร บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ อิงค์ นำเสนอความก้าวหน้าล่าสุดด้านESG ของบริษัท โดยในปี2567 เดลต้าบรรลุอัตราการใช้พลังงานหมุนเวียนสูงถึง84% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายRE80 ที่ตั้งไว้ล่วงหน้า1 ปี อีกทั้งยังสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขอบเขตที่1 และ2 ได้ถึง53.6% ระหว่างปี2564 ถึง2567 นอกจากนี้ คุณโมน่า หยาง ยังได้นำเสนอแนวทางการดำเนินงานของเดลต้าในการกำหนดราคาคาร์บอนภายใน(Internal Carbon Pricing: ICP) ที่300 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า(CO₂e) หนึ่งตัน ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการจัดสรรงบประมาณสำหรับโครงการอนุรักษ์พลังงานและพัฒนาความยั่งยืนภายในองค์กร โดยโครงการเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการผลักดันเดลต้าให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ตามแนวทางของโครงการScience Based Targets initiative (SBTi)
นอกจากนี้ คุณคาร์ธิเกยัน อารุน ที่ปรึกษาอาวุโส สำนักงานที่ปรึกษาด้านESG ของเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ อิงค์ ยังได้แนะนำกรอบการทำงานด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน4 ขั้นของเดลต้า หรือDelta’s 4-step Sustainability Transformation Framework อันประกอบด้วย การวางกลยุทธ์(Strategize) การมีส่วนร่วม(Engage) การเสริมสร้างศักยภาพ(Enable) และการลดการปล่อยคาร์บอน(Decarbonize) ซึ่งภาคธุรกิจไทยสามารถนำมาใช้เป็นโรดแมปเพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
รวมไปถึงการดำเนินที่สอดคล้องกับมาตรฐานESG ระดับโลกได้ คุณคาร์ธิเกยัน อารุน ยังได้นำเสนอเครื่องมือช่วยสนับสนุนการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของเดลต้าอีก2 แบบ ได้แก่ESG AI Service Portal และDelZero Digital Platform โดยESG AI Service Portal เป็นระบบที่ช่วยวิเคราะห์และรายงานผลข้อมูลเชิงลึกด้านความยั่งยืน ทั้งยังสามารถจัดลำดับความสำคัญของประเด็นด้านความยั่งยืนได้อย่างอัตโนมัติ ส่วนDelZero Digital Platform เป็นแพลตฟอร์มที่มีความสามารถในการเก็บรวบรวมข้อมูลอย่างอัจฉริยะมีฐานข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ครอบคลุมและมีระบบวิเคราะห์ขั้นสูงที่สามารถติดตามและตรวจสอบการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับผลิตภัณฑ์ได้คุณคาร์ธิเกยันอารุนได้จบการนำเสนอด้วยการแสดงวิสัยทัศน์สู่การบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ของประเทศไทยและบทบาทของเดลต้าในฐานะผู้สนับสนุนหลักของธุรกิจไทย
หลังจากจบกิจกรรมในช่วงเช้า ผู้เข้าร่วมงานได้ถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มย่อยเพื่อหารือเกี่ยวกับวาระด้านESG ของประเทศไทยที่จำเป็นอย่างเร่งด่วน โดยครอบคลุมสามเสาหลักของESG ดังนี้ :
- สิ่งแวดล้อม: หัวข้อ“แนวทางสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนและการนำพลังงานทดแทนมาใช้ในประเทศไทย” ได้รับการอนุเคราะห์ข้อมูลโดยผู้เชี่ยวชาญจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การหารือนี้มุ่งเน้นหาแนวทางการลดการปล่อยคาร์บอนและสำรวจความคืบหน้าของโครงการพลังงานทดแทนในประเทศ
- สังคม: หัวข้อ“การสร้างความหลากหลายในสถานที่ทำงานและผลกระทบต่อชุมชน” ได้รับการอนุเคราะห์จากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ การหารือนี้มุ่งศึกษาการพัฒนาอย่างมีส่วนร่วม ความเท่าเทียมของแรงงาน และบทบาทของธุรกิจในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางสังคม
- ธรรมาภิบาล: หัวข้อ“การเปิดเผยข้อมูลESG การกำกับดูแลความเสี่ยง และความรับผิดชอบทางกฎหมายขององค์กรไทย” ได้รับการสนับสนุนโดยพันธมิตรจากPwC Thailand Sustainability and Climate Change การหารือนี้มุ่งส่งเสริมการสร้างธรรมาภิบาลในองค์กร การเตรียมความพร้อมต่อกฎระเบียบใหม่ ๆ และความโปร่งใสในการรายงานความคืบหน้าด้านESG
ในช่วงสุดท้ายของการประชุมได้มีการจัดเสวนาในหัวข้อ“การขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยสู่ความยั่งยืน ผ่านการจัดการความท้าทายด้านESG” โดยรวบรวมผู้เชี่ยวชาญจากทั้งภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรม และภาควิชาการ มาร่วมสำรวจว่าเทคโนโลยี นโยบาย และความร่วมมือจะสามารถขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนได้อย่างไร งานเสวนาดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมเสวนาจากสี่ภาคส่วนหลัก
ได้แก่ คุณอรทิพย์ อ้อทอง ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาความยั่งยืน เดลต้า อีเลคโทรนิคส์(ประเทศไทย) ดร.วิบูลย์ รักสาสน์เจริญผลรองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) นายวรเวท ชลสินธุ์ ผู้อำนวยการบริหาร สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย และ พ.ท. ดร.ต้องการ แก้วเฉลิมทอง ประธานคณะทำงานด้านTransportation and Logistics ของสหพันธ์วิศวกรรมสถานแห่งอาเซียน(AFEO) โดยภายในงาน ผู้เสวนาได้ร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการผสานนวัตกรรมเข้ากับเป้าหมายด้านESG ของประเทศและการขยายผลผ่านการผนึกกำลังกันระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ
งานDelta ESG Forum 2025 ตอกย้ำความมุ่งมั่นของบริษัทในการยกระดับความเป็นเลิศด้านESG ผ่านความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ พร้อมจุดประกายความร่วมมือและกลยุทธ์ใหม่ ๆ เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำและการพัฒนาอย่างยั่งยืน