กล้องเจมส์ เวบบ์ ฉลองครบ 3 ปี เผยภาพ "อุ้งเท้าแมวแห่งจักรวาล" สุดตระการตา
เนื่องในโอกาสครบรอบ 3 ปี ของการปฏิบัติภารกิจ กล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เว็บบ์ (JWST) ได้มอบของขวัญให้แก่ชาวโลกด้วยภาพใหม่ของ"เนบิวลาอุ้งเท้าแมว" (Cat's Paw Nebula) หรือ NGC 6334 เผยให้เห็นรายละเอียดอันน่าทึ่งของพื้นที่ให้กำเนิดดาวฤกษ์ที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนและสวยงาม
กล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เว็บบ์ (JWST)
กล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เว็บบ์ (JWST) ถูกส่งขึ้นสู่อวกาศเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม ค.ศ. 2021 และเป็นโครงการพัฒนาร่วมกันระหว่าง องค์การนาซา (NASA) องค์การอวกาศยุโรป (ESA) และองค์การอวกาศแคนาดา (CSA) โดยใช้งบประมาณรวมประมาณ 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 367,000 ล้านบาท ในช่วงแรกภารกิจถูกกำหนดไว้ที่ 5-10 ปี แต่เนื่องจากการปล่อยขึ้นสู่อวกาศเป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้ประหยัดเชื้อเพลิงได้มาก ปัจจุบันคาดว่ากล้องจะสามารถทำงานสำรวจอวกาศต่อไปได้นานถึง 20 ปี
เนบิวลาคืออะไร และทำไมถึงเป็น "แหล่งอนุบาลดาว"
เนบิวลาเปรียบเสมือน "โรงงานผลิตดาว" หรือ "แหล่งอนุบาลดาว" ขนาดมหึมาในอวกาศ มันคือกลุ่มเมฆขนาดยักษ์ที่ประกอบไปด้วยก๊าซและฝุ่น ซึ่งเป็นวัตถุดิบตั้งต้นในการสร้างดาวดวงใหม่ขึ้นมา สำหรับเนบิวลาอุ้งเท้าแมวแห่งนี้ อยู่ห่างไกลจากโลกของเราออกไปประมาณ 4,000 ปีแสง โดยเวลา 1 ปีแสง คือระยะทางที่แสงใช้เวลาเดินทางนาน 1 ปีเต็ม ภายในกลุ่มเมฆแห่งนี้ มวลสารกำลังรวมตัวกันอย่างช้าๆ เพื่อก่อกำเนิดเป็นดาวฤกษ์ดวงใหม่นับไม่ถ้วน
พลังของแสงอินฟราเรด
กลุ่มฝุ่นหนาทึบในเนบิวลาจะบดบังทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ภายใน ทำให้เราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าหรือกล้องโทรทรรศน์ทั่วไป แต่ความพิเศษของกล้องเจมส์ เว็บบ์ คือความสามารถในการมองเห็น "แสงอินฟราเรด" ซึ่งเป็นคลื่นแสงที่ตามองไม่เห็น เปรียบเทียบง่ายๆ ก็เหมือนกับการใช้กล้องตรวจจับความร้อนมองทะลุกลุ่มควันไฟ ในขณะที่ตาของเราจะเห็นเพียงควัน แต่กล้องอินฟราเรดจะมองเห็นแหล่งความร้อนที่ซ่อนอยู่ข้างในได้ ด้วยความสามารถนี้ JWST จึงสามารถ "มองทะลุ" ม่านฝุ่นเข้าไป เพื่อสำรวจกระบวนการกำเนิดดาวที่ซ่อนอยู่ภายในได้อย่างชัดเจน
ภาพถ่ายชีวิตดาวฤกษ์ในระยะต่างๆ
ภาพจากกล้องอินฟราเรดระยะใกล้ (NIRCam) ของ JWST แสดงให้เห็นวงจรชีวิตของดาวฤกษ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกันในบริเวณต่างๆ ของเนบิวลา ราวกับเป็นการหยุดเวลาไว้ให้เราได้ศึกษา
ดาวฤกษ์ระยะสุดท้าย ในบริเวณที่เรียกว่า "โอเปร่าเฮาส์" (Opera House) จะเห็นดาวฤกษ์สีเหลืองสว่างดวงหนึ่งกำลังเปล่งแสงและเป่าฝุ่นโดยรอบออกไป ซึ่งเป็นช่วงท้ายๆ ของการก่อตัว
ดาวฤกษ์ทารก ท่ามกลางฝุ่นสีน้ำตาลหนาทึบ ปรากฏจุดสีแดงเพลิงที่กำลังเรืองแสงอยู่ นั่นคือดาวฤกษ์ที่ยังเป็น "ทารก" และถูกห่อหุ้มด้วยม่านฝุ่นของเนบิวลา
จุดเริ่มต้นของการก่อตัว บริเวณสีส้มทางขวาบนซึ่งมีดาวจำนวนน้อย คือพื้นที่ที่การก่อตัวของดาวฤกษ์เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นใหม่
ดาวฤกษ์ที่โตเต็มวัย ดาวฤกษ์สีน้ำเงินอมขาวที่ส่องประกายเจิดจ้า คือดาวที่เติบโตเต็มที่แล้วและได้ปัดเป่าสสารรอบข้างออกไปจนหมดสิ้น พร้อมส่องแสงอย่างอิสระในอวกาศ
การศึกษาเนบิวลาเช่นนี้ไม่เพียงแต่ให้ความเข้าใจเกี่ยวกับกำเนิดของดวงดาวอันไกลโพ้น แต่ยังช่วยให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจต้นกำเนิดของดวงอาทิตย์และระบบสุริยะของเราได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
In near-infrared wavelengths, the secrets of the Cat's Paw Nebula are revealed. (NASA/ESA/CSA/STScI)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ยาน Parker Solar Probe จับภาพดวงอาทิตย์ใกล้สุดเป็นประวัติศาสตร์ ช่วยไขปริศนาอวกาศ
- ทรัมป์แต่งตั้ง “ฌอน ดัฟฟี่” รักษาการผู้บริหาร NASA ชั่วคราว ส่วนผู้บริหารถาวรต้องรอปี 2026
- วันสั้นลง! เพราะโลกหมุนเร็วขึ้น นักวิทยาศาสตร์จับตาใกล้ชิด
- พลิกวิกฤต NASA บริษัท Lockheed Martin เสนอทางรอดภารกิจ Mars Sample Return ลดต้นทุนกว่าครึ่ง
- นักบินอวกาศนิโคล เอเยอร์ส บันทึกภาพสไปรต์สีแดงเหนืออเมริกาเหนือ