“บิทคอยน์ร่วงแตะ 108,000 ดอลลาร์ สะท้อนแรงกดดันเศรษฐกิจโลก-หนี้เสียจีนพุ่ง
ราคาบิทคอยน์ร่วงต่ำสุดในรอบ 50 วัน กวาดล้างสถานะ Long มูลค่ากว่า 137 ล้านดอลลาร์ ท่ามกลางสัญญาณลบจากเศรษฐกิจโลก ทั้งขาดดุลการค้าสหรัฐพุ่ง 22% หนี้เสียธนาคารจีนเพิ่มทวี ขณะที่หุ้นกลุ่ม AI อย่าง Nvidia และ SMCI สะดุด ส่งแรงกดดันต่อตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก นักลงทุนเร่งหาที่หลบภัยในพันธบัตรสหรัฐ
บิทคอยน์ร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 50 วัน ที่ 108,000 ดอลลาร์ จุดชนวนการล้างพอร์ตครั้งใหญ่ในตลาดคริปโตฯ คิดเป็นมูลค่ากว่า 137 ล้านดอลลาร์ จากสถานะ Long ที่ใช้เลเวอเรจสูง การร่วงลงดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันจากตลาดหุ้นสหรัฐ โดยเฉพาะ Nasdaq 100 ที่ถอย 1.2% จากความกังวลว่า “กระแส AI” อาจไม่สามารถรักษาการเติบโตได้อย่างยั่งยืน
ปัจจัยกดดันจากมหภาคสหรัฐ
รายงานขาดดุลการค้าของสหรัฐในเดือนกรกฎาคมพุ่งขึ้นถึง 22% หรือสูงถึง 103.6 พันล้านดอลลาร์ นำเข้ามากกว่าส่งออกเกินคาด ด้านนักวิเคราะห์จาก Reuters เตือนว่าตัวเลขนี้อาจกลายเป็นตัวฉุดรั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาส 3 ทำให้นักลงทุนเพิ่มความระมัดระวังต่อสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น
แรงกดดันจากจีน "ดันหนี้เสียพุ่ง-กำไรธนาคารหด"
ขณะที่ฟากสถานการณ์จากจีนพบว่าเมื่อธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ที่สุด 5 แห่งของประเทศรายงาน อัตรากำไรสุทธิต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมหนี้เสียเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยในไตรมาสแรก ธนาคารต้องล้างหนี้เสียกว่า 5.2 พันล้านดอลลาร์ มากกว่าปีก่อนถึง 8 เท่า ตัวเลขนี้ยิ่งตอกย้ำความเปราะบางของระบบการเงินจีนที่อาจส่งแรงสะเทือนไปทั่วเอเชีย
แรงสั่นคลอนจากกลุ่ม AI
อย่างไรก็ดีในตลาดเทคโนโลยี โดยเฉพาะหุ้น AI ที่เคยเป็น “ดาวรุ่ง” ก็ไม่รอดจากแรงกดดัน โดยหุ้น Nvidia (NVDA) ปรับตัวร่วงลง 4.7% หลังเปิดเผยว่ารายได้กว่า 44% ของธุรกิจศูนย์ข้อมูลพึ่งพาเพียงลูกค้า 2 ราย ขณะที่หุ้น Super Micro Computer (SMCI) ดิ่งกว่า 5% หลังแจ้งความเสี่ยงเรื่องความโปร่งใสทางการเงิน ซึ่งอาจกระทบความสามารถในการเผยแพร่ผลประกอบการในอนาคต
สัญญาณความเสี่ยงชัดเจนมากขึ้น
ทั้งนี้กระแส “Risk-Off” สะท้อนชัดในตลาดพันธบัตร เมื่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 2 ปี ลดลงเหลือ 3.62% ต่ำสุดในรอบ 4 เดือน จาก 3.80% เพียงสัปดาห์ก่อน แสดงให้นักลงทุนยอมรับผลตอบแทนที่ต่ำลงเพื่อความปลอดภัย ท่ามกลางแรงกดดันเงินเฟ้อที่ยังไม่คลาย
นักขุดเหมืองคริปโต และวาฬ เริ่มเทขายหนักขึ้น
นอกจากแรงกดดันมหภาคแล้ว ตลาดคริปโตยังเผชิญแรงขายจาก “วาฬ” ที่ถือครองบิทคอยน์มานานและเพิ่งเคลื่อนไหว รวมถึงการเทขายจากนักขุดอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์นี้ยิ่งเสริมภาพเชิงลบในตลาด
แม้บิทคอยน์จะยังถูกมองว่าเป็น “ทองคำดิจิทัล” แต่ความผันผวนครั้งนี้สะท้อนว่า เสถียรภาพของราคาคริปโตฯ ยังผูกติดกับเศรษฐกิจโลก มากกว่าที่นักลงทุนคาด หากเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวจริง ขณะที่จีนยังเจอปัญหาหนี้เสีย และฟองสบู่ AI เริ่มสั่นคลอน ตลาดคริปโตฯ อาจยังต้องเผชิญแรงกดดันระลอกใหม่ นักลงทุนจึงควรจับตาทั้งปัจจัยมหภาคและพฤติกรรมของผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดควบคู่กัน
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO