“อินโดนีเซีย” ม็อบค่าครองชีพลุกลาม “หุ้น–รูเปียห์” ทรุดหนัก สั่นคลอนเชื่อมั่นนักลงทุน
"อินโดนีเซีย" ม็อบค่าครองชีพลุกลาม ตลาดหุ้นดิ่งกว่า 3.6% ค่าเงินรูเปียห์อ่อนแตะ 16,500 ต่อดอลลาร์ สั่นคลอนเชื่อมั่นนักลงทุน นักวิเคราะห์ชี้เป็นเพียงแรงกดดันชั่วคราว
วันที่ 1 กันยายน 2568 เวลา 14.49 น. สำนักข่าว CNBC รายงานว่า อินโดนีเซียกำลังเผชิญบรรยากาศการเมืองที่ตึงเครียด หลังเกิดการประท้วงต่อต้านค่าครองชีพที่สูงขึ้น เงินเดือนและสวัสดิการของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงเหตุความรุนแรงจากตำรวจ ซึ่งได้บั่นทอนความเชื่อมั่นนักลงทุนในเศรษฐกิจใหญ่สุดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ดัชนีตลาดหุ้นจาการ์ตาร่วงลงมากถึง 3.6% ในวันจันทร์ ขณะที่ค่าเงินรูเปียห์อ่อนค่าลงแตะ 16,500 ต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่าสุดระหว่างวันนับตั้งแต่ 1 สิงหาคม ตามข้อมูลจาก LSEG
แม้เหตุรุนแรงและการประท้วงจะสั่นคลอนความมั่นใจ แต่นักวิเคราะห์หลายรายมองว่ายังไม่กระทบต่อศักยภาพการเติบโตระยะยาวของอินโดนีเซีย การขายทำกำไรล่าสุดสะท้อนเพียงปัจจัยด้านอารมณ์ตลาดจากเหตุการณ์ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
Howe Chung Wan กรรมการผู้จัดการ Principal Fixed Income ระบุว่า อินโดนีเซียยังจัดว่าเป็นตลาดเกิดใหม่ที่มีเสถียรภาพมากกว่าหลายประเทศ และผลกระทบจากการประท้วงเป็นเพียงอุปสรรคชั่วคราว ด้าน Christopher Wong นักวิเคราะห์ FX จาก OCBC Bank เสริมว่าการอ่อนค่าของรูเปียห์น่าจะเป็นเพียงระยะสั้น และมีโอกาสกลับมาแข็งค่าหลังความไม่แน่นอนในประเทศคลี่คลาย
ขณะเดียวกัน Ari Jahja หัวหน้าฝ่ายวิจัยอินโดนีเซียจาก Macquarie Capital กล่าวว่า นักลงทุนกำลังจับตาการดำเนินการของรัฐบาลเพื่อตอบสนองข้อเรียกร้องของประชาชนและฟื้นความเชื่อมั่นตลาด หากปฏิรูปเชิงโครงสร้างได้สำเร็จ อินโดนีเซียอาจแข็งแกร่งขึ้นในระยะยาว เช่นเดียวกับ Radhika Rao นักเศรษฐศาสตร์จาก DBS ที่เห็นว่าปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตระยะยาวยังคงอยู่ พร้อมคาดว่า ธนาคารกลางอินโดนีเซียจะคงนโยบายการเงินผ่อนคลายและเข้ามาพยุงค่าเงินเมื่อจำเป็น
ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ปรับขึ้นสู่ 6.335% ในวันจันทร์ ขณะที่พันธบัตรอายุ 30 ปีทรงตัวที่ 6.850%
โดยผู้ประท้วงหลายพันคนในเมืองใหญ่ทั่วประเทศออกมารวมตัวนานกว่าหนึ่งสัปดาห์ เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อค่าครองชีพที่สูง อัตราว่างงานที่เพิ่มขึ้น และเงินเดือน–สวัสดิการของสมาชิกรัฐสภาที่ถูกมองว่าสูงเกินไป โดยเฉพาะค่าเบี้ยเลี้ยงที่พักของสมาชิกรัฐสภาซึ่งสูงกว่าค่าจ้างขั้นต่ำของประเทศถึง 10 เท่า ในช่วงที่ประชาชนรายได้น้อยต้องเผชิญภาษีที่สูงขึ้น การเลิกจ้างงาน และเงินเฟ้อที่กดดัน
ความไม่พอใจดังกล่าวยิ่งลุกลามหลังมีรายงานว่าคนขับรถจักรยานยนต์รับจ้างถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายจนเสียชีวิตระหว่างสลายการชุมนุมเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดการประท้วงรุนแรงตามเมืองต่าง ๆ เรียกร้องให้ปฏิรูปตำรวจ
ในช่วงสุดสัปดาห์ การประท้วงทวีความรุนแรง ผู้ชุมนุมบางส่วนบุกบ้านพักนักการเมือง ปล้นสะดม และเผาสถานที่ราชการ โดยมีรายงานว่ามีผู้ชุมนุมหลายร้อยคนบุกบ้านพักของศรี มูลยานี รัฐมนตรีคลังอินโดนีเซีย ในเมือง South Tangerang และขโมยทรัพย์สินไป
เพื่อพยายามลดกระแสความไม่พอใจ ประธานาธิบดีปราโบโว สุเบียนโต ออกแถลงเมื่อวันอาทิตย์ว่า รัฐสภาจะรับฟังและดำเนินการตามข้อเรียกร้อง พร้อมสัญญาจะลดเบี้ยเลี้ยงของสมาชิกรัฐสภา
ทั้งนี้อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 4 ของโลก มีประชากร 284 ล้านคน เคยถูกมองว่าเป็นประเทศที่มีเสถียรภาพมากที่สุดในอาเซียน แต่การประท้วงครั้งล่าสุดที่คร่าชีวิตผู้คนอย่างน้อย 5 คนและบาดเจ็บอีกหลายร้อยคน ได้กลายเป็นวิกฤติเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ปราโบโวเข้ารับตำแหน่งเมื่อราว 1 ปีก่อน
Bob Herrera-Lim กรรมการผู้จัดการจากที่ปรึกษาการเมือง Teneo ระบุว่า เหตุการณ์นี้ถือเป็นบททดสอบสำคัญต่อท่าทีของประธานาธิบดีในการจัดการความไม่สงบ และหากยอมอ่อนข้อเกินไป อาจยิ่งเปิดช่องให้ฝ่ายค้านในอนาคต
ขณะที่ปราโบโวเตือนว่าจะดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับผู้ประท้วงที่ใช้ความรุนแรง โดยกล่าวว่า “เราไม่สามารถปฏิเสธได้ว่ากำลังเริ่มมีสัญญาณของการกระทำที่อยู่นอกกฎหมาย และบางส่วนอาจเข้าข่ายกบฏหรือก่อการร้าย” พร้อมสั่งการให้ทหารและตำรวจเข้าจัดการอย่างจริงจัง
อ้างอิง : cnbc.com