ตีปี๊บไทยพร้อมประชุมจีบีซี4ส.ค./ห้ามโดรนบินรัศมี 9 กม.ใน 14 จังหวัด
ศบ.ทก.ระบุไทยพร้อมประชุมจีบีซี 4 ส.ค.นี้ แจงห้ามบินโดรนทุกประเภทรัศมี 9 กม. ในพื้นที่ 14 จว. ขอปชช.ยังอยู่สถานที่พักพิง สธ.หวั่นชาวบ้านเครียดเสี่ยงฆ่าตัวตาย สถานทูต-กงสุลใหญ่ไทยทำงานเชิงรุกเร่งชี้แจง
30 ก.ค.2568 - ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงผลการประชุม ศบ.ทก. ว่า ขอเน้นย้ำไทยยังคงยึดมั่นในเรื่องความอดทน อดกลั้น เชื่อมั่นในการดำเนินการด้านสันติภาพและดำรงการปฎิบัติตามหลักมนุษยธรรม แต่ทหารไทยถูกละเมิดอธิปไตยจึงมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาดและเหมาะสม เพื่อปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชน ถือเป็นจุดยืนที่เราได้แสดงมาตั้งแต่ต้น ทั้งนี้ ขอชื่นชมไปยังผู้กล้าและขอสดุดีวีรชนทั้งหลายที่อยู่ในแนวหน้าตั้งแต่วันแรกของการปะทะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนอกเหนือจากเราทหารแล้ว ยังมีทหารพราน ตำรวจตระเวนชายแดนและเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงที่มีส่วนร่วมเป็นผู้ที่ทำให้การปฎิบัติงานของเราประสบความสำเร็จ นอกเหนือจากนั้น ยังมีผู้ที่อยู่เบื้องหลังไม่ว่าจะเป็นหมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และจิตอาสาต่างๆ ที่ช่วยดูแลกองทัพและประชาชนด้วยความไม่เหน็ดเหนื่อย ขอขอบคุณและขอสดุดีผู้กล้าทั้งหลายในส่วนตรงนี้ นอกจากนั้น ยังมีภาคเอกชนที่ส่งกำลังใจและส่งสิ่งของอุปกรณ์ต่างๆ มาให้ทางทหาร และหน่วยงานเจ้าหน้าที่ความมั่นคงแนวหน้าอย่างต่อเนื่อง ขอขอบคุณบุญคุณของท่าน เราคงไม่ลืมและไม่สามารถที่จะพรรณนาได้ในเรื่องของน้ำใจของประชาชนและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคนไทย
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า ในวันที่ 4 ส.ค.นี้ มีกำหนดประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) ซึ่งขณะนี้ฝ่ายไทยมีความพร้อมที่จะเข้าร่วมประชุม ตอนนี้เรากำลังรอฝ่ายกัมพูชาส่งหนังสือเชิญเข้าประชุมตามที่ได้ตกลงกันไว้ ซึ่งฝ่ายไทยพร้อมในเรื่องของรายละเอียดและเนื้อหาที่จะเข้าไปร่วมเจรจา ทั้งนี้ ในส่วนที่มีการพูดคุยกันเมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา ในระดับของแม่ทัพภาคได้ข้อตกลงในภาพรวมเรื่องแนวทางการหารือและแนวทางในการปฏิบัติร่วมกันระหว่างหน่วยทหารในพื้นที่ทั้ง 2 ฝ่าย หวังว่าภาพนี้ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำไปสู่สันติภาพในภูมิภาคและระหว่างทั้งสองประเทศ
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยได้รายงานตัวเลขผู้อพยพตามศูนย์พักพิงต่างๆ จำนวน 190,104 คน ในศูนย์พักพิง 780 แห่ง ตอนนี้สถานการณ์อย่างมีความเปราะบาง จึงขอให้ประชาชนรับฟังข่าวสารอย่างใกล้ชิดประชาชนที่อยู่ศูนย์อพยพสามารถเดินทางกลับบ้านได้ต่อเมื่อทางภาครัฐยืนยันว่ามีความปลอดภัยแล้ว ฉะนั้น ในช่วงนี้ขอเน้นย้ำให้ประชาชนอยู่ในสถานที่ที่จัดสรรไว้ให้ก่อน เพราะต้องดูสถานการณ์กันต่อไป
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า ในที่ประชุม ศบ.ทก.ยังมีการพูดถึงการห้ามบินโดรนในพื้นที่ที่อาจจะกระทบความมั่นคงของประเทศไทยเมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยได้ออกประกาศว่าห้ามมิให้ผู้ใดทำการบินหรือปล่อยอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน หรือโดรน ในพื้นที่อาจจะกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ หรือในช่วงสถานการณ์ตึงเครียดบริเวณตั้งแต่ จ.ตราด จันทบุรี สระแก้ว บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ปราจีนบุรี นครราชสีมา นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ ชัยนาท พิจิตร และลพบุรี นอกจากนี้ ยังห้ามบินโดรนทุกประเภทในรัศมี 9 กิโลเมตร หรือ 5 ไมค์ทะเล จากสนามบินหรือที่ขึ้นลงชั่วคราวทุกแห่งโดยเด็ดขาด ผู้ใดที่ฝ่าฝืนระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ขณะที่ นพ.วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ โฆษกกระทรวงสาธารณสุข แถลงถึงสถานภาพโรงพยาบาลและผลกระทบของผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตว่า สำหรับข้อมูลผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบบริเวณชายแดนไทยกัมพูชาฝั่งพลเรือนประจำวันที่ 30 ก.ค. ซึ่งเป็นข้อมูลเมื่อเวลา 10.00 น. โดยปัจจุบันพลเรือนที่ได้รับผลกระทบ 53 ราย เป็นผู้เสียชีวิตจำนวน 15 ราย มีที่ จ.อุบลราชธานี ศรีสะเกษ และ จ.สุรินทร์ โดยเป็นพลเรือนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส 12 ราย บาดเจ็บปานกลาง 13 ราย และบาดเจ็บเล็กน้อย 13 ราย ปัจจุบันมีพลเรือนที่กำลังแอดมิดอยู่ในโรงพยาบาลจำนวน 11 ราย โดยเป็นผู้ที่มีอาการสาหัส 8 ราย และบาดเจ็บปานกลางจำนวน 3 ราย โดยมีผู้ป่วยที่สามารถกลับบ้านได้แล้วในช่วงที่ผ่านมารวมทั้งหมด 13 ราย
นพ.วรตม์ แถลงว่า สำหรับผลกระทบในส่วนของโรงพยาบาลมีทั้งหมดจำนวน 20 แห่งที่ต้องปิดบริการ โดยเป็นการปิดบริการแบบทั้งหมด จำนวน 11 โรงพยาบาล ได้แก่ โรงพยาบาลน้ำขุ่น โรงพยาบาลน้ำยืน โรงพยาบาลนาจะหลวย โรงพยาบาลกันทรารมย์ โรงพยาบาลภูสิงห์ โรงพยาบาลกาบเชิง โรงพยาบาลพนมดงรัก โรงพยาบาลประสาท โรงพยาบาลบ้านกรวด โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ และโรงพยาบาลละหานทราย ส่วนอีก 9 แห่งเป็นการปิดบางส่วนโดยที่ยังเปิดให้บริการในส่วนที่เป็นห้องฉุกเฉินอยู่
นพ.วรตม์ แถลงว่า สำหรับสถานบริการที่ได้รับผลกระทบในส่วนที่เป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพในระดับตำบลหรือ รพ.สต. ปัจจุบันได้รับผลกระทบจำนวน 144 แห่ง เป็นปิดบริการทั้งหมด 140 แห่ง และเปิดบริการบางส่วน 4 แห่ง สำหรับภาพความเสียหายโรงพยาบาลปัจจุบันที่วัดได้มีอยู่ 4 แห่ง เป็นความเสียหายที่เกิดจากการโจมตีของฝั่งกัมพูชา ซึ่งยังอยู่ในระหว่างประเมินความเสียหาย อาจจะมีความเสียหายในระดับโครงสร้าง ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาการซ่อมแซมเป็นระยะเวลายาวนาน
นพ.วรตม์ แถลงว่า สำหรับทีมปฏิบัติการ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว. สาธารณสุข ได้มอบหมายทั้งหมด 1,168 ทีม ให้พร้อมในการดูแลประชาชน ประกอบด้วยทีมรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทีม Mini Mert ทีมALS และทีมMCATT และทีม SEHRT ปัจจุบันมีการปฏิบัติงานอยู่ 494 ทีม ในเขตพื้นที่ต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบ และผลการดำเนินงานด้านการดูแลจิตใจ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ปัจจุบันได้มีทีมMCATT และบุคลากรด้านสุขภาพจิตเข้าไปคัดกรองพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะที่อยู่ตามศูนย์พักพิงต่างๆ จำนวน 21,430 คน ผลการประเมินพบว่ามีความเครียดสูงประมาณ 600 คน และมีความเสี่ยงในการฆ่าตัวตายประมาณ 142 คน ซึ่งทั้งหมดได้รับการช่วยเหลือโดยจิตแพทย์และนักจิตวิทยา โดยเบื้องต้นเป็นการปฐมพยาบาลทางใจ สำหรับผู้ที่มีอาการหนักก็จะส่งต่อไปยังจิตแพทย์ในโรงพยาบาลจิตเวช หรือส่งเข้าไปรักษาตัวแบบผู้ป่วยในต่อไป
ด้านนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศน์ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ในส่วนการดำเนินการต่อการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของฝ่ายกัมพูชานั้น ฝ่ายไทยได้มีหนังสืออย่างเป็นทางการถึง รมว.ต่างประเทศมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน รวมถึงประเทศผู้สังเกตการณ์ ได้แก่ จีนและสหรัฐอเมริกาที่เข้าร่วมการเจรจาหยุดยิงที่มาเลเซียเมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา เช่นการ ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของฝ่ายกัมพูชาเมื่อวันที่ 29 ก.ค. รวมทั้งยังมีหนังสืออีกฉบับถึงฝ่ายกัมพูชาโดยตรงสำหรับกรณีการละเมิดล่าสุดที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 29 ก.ค. ที่ภูมะเขือ ตามที่กองทัพบกได้ชี้แจงเป็นทางการเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว ซึ่งทางกระทรวงการต่างประเทศได้ออกแถลงการณ์เพิ่มเติมเรียกร้องให้กัมพูชายุติการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงทุกรูปแบบโดยทันที และกลับมาปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างครบถ้วนและเคร่งครัด ในส่วนของข้อมูลเกี่ยวกับโรงพยาบาลที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ในปัจจุบันนั้น กระทรวงการต่างประเทศจะส่งข้อมูลเพิ่มเติมจากที่ได้มีหนังสือประท้วงไปที่คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ไอซีอาร์ซี) ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียอีก โดยเฉพาะหลังจากที่สองประเทศได้ตกลงกันแล้วว่าจะหยุดยิง ซึ่งในขณะนี้มีทหารไทยเสียชีวิตไปอีก 1 นาย
นางมาระตี กล่าวว่า สำหรับบทบาทของสถานทูตและสถานกงสุลใหญ่ของไทยทั่วโลกต่อการชี้แจงสถานการณ์ไทยกัมพูชา วันเดียวกัน (30 ก.ค.) กระทรวงต่างประเทศได้รายงานให้ที่ประชุม ศบ.ทก.ทราบถึงบทบาทเชิงรุกของสถานทูตและสถานกงสุลใหญ่ทั่วโลก ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้หลายแห่งได้ร่วมแรงช่วยกันชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่ที่รับผิดชอบ ทั้งประเทศเจ้าบ้านและประเทศที่อยู่ในเขตอาณา ที่ผ่านมาแต่ละสถานสถานทูตและสถานกงสุลใหญ่ได้แจ้งข้อมูลปัจจุบันเกี่ยวกับสถานการณ์ ท่าทีของไทย และหลักการที่ไทยยึดถือให้รัฐบาลและองค์การต่างๆ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่สำคัญ สื่อมวลชนท้องถิ่นและชุมชนไทยในที่ต่างๆ ให้ได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่บิดเบือน และเข้าใจในจุดยืนของไทยในการยุติความขัดแย้งด้วยสันติวิธี และกลับมาเข้าสู่การเจรจากับกัมพูชาบนพื้นฐานของความจริงใจและสุจริตใจ
นางมาระตี กล่าวว่า นอกจากบทบาทของสถานทูตและสถานกงสุลใหญ่ทั่วโลกแล้ว เรายังมีคณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ 4 สำนักงาน คณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน และสถานทูตอีกหลายแห่งที่มีหน้าที่ในกรอบพหุภาคี และองค์การระหว่างประเทศต่างๆ ซึ่งต่างกำลังชี้แจงจุดยืนของไทยในเวทีโลก และกรอบสำคัญที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะภายใต้อนุสัญญาต่างๆ เพื่อรักษาท่าที ย้ำบทบาทที่สร้างสรรค์ และแสดงความยึดมั่นต่อพันธะกรณีระหว่างประเทศของไทย