โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

ผ่านครึ่งปีแรก ยอดจดทะเบียนธุรกิจใหม่ทะลุ 4.3 หมื่นราย ทุนแตะ 1.5 แสนล้าน

The Bangkok Insight

อัพเดต 19 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 19 ชั่วโมงที่ผ่านมา • The Bangkok Insight

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยครึ่งปีแรก 2568 จดทะเบียนธุรกิจใหม่กว่า 4.3 หมื่นราย ทุนแตะ 1.5 แสนล้าน ญี่ปุ่นครองแชมป์ลงทุนไทยสูงสุด

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สถานการณ์การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่เดือนมิถุนายน 2568 พบว่า มีธุรกิจจัดตั้งใหม่ 7,023 ราย ลดลง 328 ราย หรือลดลง 4.46% เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2567 อยู่ที่ 7,351 ราย แต่เพิ่มขึ้น 5.34% เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม 2568

จดทะเบียนธุรกิจใหม่

ขณะที่ทุนจดทะเบียนเดือนมิถุนายน 2568 อยู่ที่ 18,113 ล้านบาท ลดลง 9,866 ล้านบาท หรือลดลง 35.26%% เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2567 อยู่ที่ 27,979 ล้านบาท

ด้านยอดจดทะเบียนธุรกิจใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1. ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 580 ราย ทุนจดทะเบียน 1,083 ล้านบาท 2. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 387 ราย ทุนจดทะเบียน 1,332 ล้านบาท 3. ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 295 ราย ทุนจดทะเบียน 511 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 8.26%, 5.51% และ 4.20% ของจำนวนการจัดตั้งธุรกิจในเดือนมิถุนายน 2568 ตามลำดับ

ทั้งนี้ ในเดือนมิถุนายน 2568 มีธุรกิจที่มีทุนจดทะเบียนจัดตั้งเกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 1 ราย คือ บริษัทราชดำริ ฮอลพิทอลลิตี้ แมเนจเมนท์ จำกัด ประกอบกิจการโรงแรม มูลค่าทุนจดทะเบียนรวมทั้งสิ้น 2,600 ล้านบาท

สำหรับยอดจดทะเบียนธุรกิจใหม่ในครึ่งปีแรกของปี 2568 (ม.ค.-มิ.ย. 2568) มีจำนวน 43,838 ราย ลดลง 2,545 ราย หรือลดลง 5.49% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 (46,383 ราย) ในขณะที่ทุนจดทะเบียน 149,140 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,061 ล้านบาท หรือ 2.80% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 อยู่ที่ 145,079 ล้านบาท

ด้านยอดจดทะเบียนธุรกิจใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1. ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 3,490 ราย 2. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 2,870 ราย และ 3. ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 1,832 ราย คิดเป็นสัดส่วน 7.96%, 6.55% และ 4.18% จากจำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจในครึ่งปีแรกของปี 2568 ตามลำดับ

เปิดตัวเลขธุรกิจจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการ

การจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการเดือนมิถุนายน 2568 มีจำนวน 1,468 ราย เพิ่มขึ้น 52 ราย เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2567 อยู่ที่ 1,416 ราย และมีทุนจดทะเบียนเลิก 10,403 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,499 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2567 อยู่ที่ 4,904 ล้านบาท)

ประเภทธุรกิจที่เลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1. ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 100 ราย ทุนจดทะเบียนเลิก 198 ล้านบาท 2. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 84 ราย ทุนจดทะเบียนเลิก 436 ล้านบาท และ 3. ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 74 ราย ทุนจดทะเบียนเลิก 177 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 6.81%, 5.72% และ 5.04% จากจำนวนการเลิกประกอบธุรกิจในเดือนมิถุนายน 2568 ตามลำดับ

การจดทะเบียนเลิกครึ่งปีแรกของปี 2568 (ม.ค.-มิ.ย. 2568) มีจำนวน 6,244 ราย เพิ่มขึ้น 205 ราย เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2567 ทุนจดทะเบียนเลิกสะสมอยู่ที่ 30,544 ล้านบาท ลดลง 46,205 ล้านบาท เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2567 โดยธุรกิจที่เลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1. ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 547 ราย 2. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 316 ราย และ 3. ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 276 ราย คิดเป็นสัดส่วน 8.76%, 5.06% และ 4.42% จากจำนวนการจดทะเบียนเลิกธุรกิจในครึ่งปีแรกของปี 2568 ตามลำดับ

สำหรับธุรกิจที่เป็นแรงผลักดันให้การจดทะเบียนในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 เติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2567 มาจาก 5 ธุรกิจหลัก ๆ ได้แก่ 1. ขายส่งผลิตภัณฑ์อาหารอื่นๆ เติบโต 64.45% 2. โรงแรม รีสอร์ทและห้องชุด เติบโต 48.93% 3. กิจกรรมทางกฎหมาย เติบโต 46.79% 4. ขายส่งสินค้าทั่วไป เติบโต 46.40% และ 5. ขนส่งและขนถ่ายสินค้ารวมถึงคนโดยสาร เติบโตคิดเป็น 21.05%

ในทางกลับกันก็มีธุรกิจที่การเติบโตลดลง เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2567 ได้แก่ 1. ขายปลีกสินค้าอื่น ๆ ในร้านค้าทั่วไป ลดลง 31.50% 2. กิจกรรมของตัวแทนและนายหน้าอสังหาริมทรัพย์โดยได้รับค่าตอบแทนหรือตามสัญญาจ้าง ลดลง 29.11% 3. ขายปลีกทางอินเทอร์เน็ต ลดลง 26.05% 4. อสังหาริมทรัพย์ ลดลง 21.50% และ 5. ภัตตาคาร/ร้านอาหาร ลดลง 12.97%

ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568) มีธุรกิจที่จดทะเบียนนิติบุคคลรวมทั้งสิ้น 2,008,668 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 30.96 ล้านล้านบาท โดยมีนิติบุคคลดำเนินกิจการอยู่ 959,099 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 22.67 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น

  • บริษัทจำกัด 758,722 ราย หรือ 79.11% ของจำนวนนิติบุคคลที่ดำเนินกิจการอยู่ทั้งหมด ทุนจดทะเบียนรวม 16.88 ล้านล้านบาท
  • ห้างหุ้นส่วนจำกัดและห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล 198,882 ราย หรือ 20.74% ของจำนวนนิติบุคคลที่ดำเนินกิจการอยู่ทั้งหมด ทุนจดทะเบียนรวม 0.43 ล้านล้านบาท
  • บริษัทมหาชน จำกัด1,495 ราย หรือ 0.15% ของจำนวนนิติบุคคลที่ดำเนินกิจการอยู่ทั้งหมด ทุนจดทะเบียนรวม 5.36 ล้านล้านบาท

สำหรับนิติบุคคลในกลุ่มธุรกิจบริการเป็นประเภทธุรกิจที่มีสัดส่วนการจดทะเบียนมากที่สุดมีจำนวน 520,337 ราย ทุนจดทะเบียน 13.10 ล้านล้านบาท รองลงมาคือ กลุ่มธุรกิจค้าส่ง/ค้าปลีก 313,174 ราย ทุน 2.58 ล้านล้านบาท และธุรกิจผลิต 125,588 ราย ทุน 6.99 ล้านล้านบาท คิดเป็น 54.25%, 32.66% และ 13.09% ของจำนวนนิติบุคคลที่ดำเนินกิจการอยู่ตามลำดับ

ครึ่งปีแรกไฟเขียวต่างชาติลงทุน 502 ราย

การอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ในครึ่งปีแรกของปี 2568 (มกราคม-มิถุนายน 2568) มีจำนวน 502 ราย เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2567 โดยเป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 123 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 379 ราย เงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 111,506 ล้านบาท

ชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทยสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่

1. ญี่ปุ่น 99 ราย คิดเป็น 20% ของธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 43,025 ล้านบาท ส่วนใหญ่ลงทุนในธุรกิจการจัดหาจัดซื้อวัตถุดิบ ชิ้นส่วน และส่วนประกอบสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ ธุรกิจบบริการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อจำหน่าย และ/หรือ ให้บริการ ธุรกิจบริการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์พลาสติกวิศวกรรม และธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ผลิตภัณฑ์ช่วยพยุงข้อมือ สิ่งพิมพ์ลามิเนทเพื่อบรรจุภัณฑ์ อุปกรณ์สำหรับรถแทรกเตอร์เพื่อการเกษตร ชิ้นส่วนยานพาหนะ

2. สหรัฐ 72 ราย คิดเป็น 14% ของธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 2,797 ล้านบาท ส่วนใหญ่ลงทุนในธุรกิจบริการทางวิศวกรรม ธุรกิจค้าปลีกสินค้า เช่น ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ตกแต่งยานพาหนะ เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องจักร/เครื่องมือ/อุปกรณ์/ชิ้นส่วน และส่วนประกอบที่ใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ ธุรกิจบริการทำการตลาด รวมทั้งให้คำปรึกษาแนะนำเพื่อพัฒนาธุรกิจ และธุรกิจบริการรับจ้างผลิต เช่น DC Cable โลหะผสมสำหรับผลิตเครื่องประดับ Captive Screw for PCB

อรมน ทรัพย์ทวีธรรม

3. จีน 65 ราย คิดเป็น 13% ของธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 18,336 ล้านบาท ส่วนใหญ่ลงทุนในธุรกิจการจัดหาจัดซื้อวัตถุดิบ ชิ้นส่วน และส่วนประกอบสำหรับอุตสาหกรรมการผลิตต่างๆ ธุรกิจบริการซ่อมแซมและบำรุงรักษารถยนต์ไฟฟ้า ธุรกิจบริการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อจำหน่าย และ/หรือ ให้บริการ และธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ชุดสายไฟแรงดันสูงสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์จากพลาสติกชีวภาพ ชิ้นส่วนยานพาหนะ แผ่นพลาสติกพิมพ์ลาย

4. สิงคโปร์ 63 ราย คิดเป็น 13% ของธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 17,384 ล้านบาท ส่วนใหญ่ลงทุนในธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับตามที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลัง ธุรกิจบริการสนับสนุนและบริหารจัดการการวิจัยทางคลินิก ธุรกิจบริการ Data Center และธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ผลิตภัณฑ์โลหะและชิ้นส่วนโลหะทุบขึ้นรูป บรรจุภัณฑ์กระดาษเคลือบพลาสติกชีวภาพ แม่พิมพ์และชิ้นส่วนพลาสติก Printed Circuit Board

5. ฮ่องกง 51 ราย คิดเป็น 10% ของธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 8,309 ล้านบาท ส่วนใหญ่ลงทุนในธุรกิจบริการศูนย์กระจายสินค้าด้วยระบบที่ทันสมัย ธุรกิจบริการสถานีบริการอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานพาหนะไฟฟ้า ธุรกิจบริการ Data Center และธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ผลิตภัณฑ์ทางทันตกรรม ผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อการอุตสาหกรรม ชิ้นส่วนพลาสติก ชิ้นส่วนโลหะ

สำหรับการลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติในครึ่งปีแรกของปี 2568 มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 158 ราย คิดเป็น 31% ของนักลงทุนต่างชาติในไทย เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 จำนวน 42 ราย มูลค่าการลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 62,851 ล้านบาท คิดเป็น 56% ของเงินลงทุนทั้งหมด

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก The Bangkok Insight

พรุ่งนี้หวยออก!! เปิดสถิติหวยออกวันศุกร์ย้อนหลัง 20 งวด เช็กเลขเด็ดปัง ๆ ที่นี่

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

‘หมอไก่ พ.พาทินี’ จัด 7 อันดับดวงดีเดือนสิงหาคม ราศีไหนปังสุด เช็กเลย!

5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

‘คลัง’ รายงานยอดจัดเก็บรายได้ 9 เดือน อยู่ที่ 2.04 ล้านล้านบาท พลาดเป้า!!

5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เชิญผู้ช่วยทูตทหารดูความเสียหาย โรงเรียน-โรงพยาบาล ที่ถูกกัมพูชาโจมตี 1 ส.ค.นี้

6 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไอที ธุรกิจอื่น ๆ

ข่าวและบทความยอดนิยม

‘พาณิชย์’ เร่ง 4 มาตรการ ช่วยผู้ประกอบการ-เกษตรกร รับมือวิกฤติชายแดนไทย-กัมพูชา

The Bangkok Insight

ครม.ไฟเขียวพาณิชย์ ตั้ง 4 ตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง ‘พูนพงษ์-อรมน-นันทพงษ์-จิตติมา’

The Bangkok Insight

กสิกรไทย-แสนสิริ ปล่อยแคมเปญสินเชื่อบ้านสีเขียว เอาใจสายกรีน เดินหน้าสู่ Net Zero

The Bangkok Insight
ดูเพิ่ม
Loading...