พาราสาวะถี
บอกแล้วว่าเขมรมันเชื่อไม่ได้ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมายกับเหตุการณ์ทหารกัมพูชายิงปืนเล็ก พร้อมปาระเบิดใส่ทหารไทยที่ช่องอานม้า และภูมะเขือ เมื่อตอน 4 ทุ่มของคืนวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเพียงแค่คืนแรกหลังการเจรจาหยุดยิง เท่ากับเป็นการละเมิดข้อตกลงตรงนี้ทางรัฐบาลต้องรีบรายงานให้ประธานอาเซียน และผู้สังเกตการณ์ 2 ประเทศยักษ์ใหญ่สหรัฐอเมริกากับจีนให้รับรู้ถึงพฤติกรรมไม่ยึดกฎ กติกา ไม่อยู่ในกรอบของข้อตกลงใด ๆ
ในทางทหารคงต้องปฏิบัติการตอบโต้อย่างสมเหตุสมผล แน่นอนว่า หากสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้อยู่ต่อไป ไม่แน่ว่า ท้ายที่สุดอาจถึงเวลาที่กองทัพต้องตัดสินใจเด็ดขาด ปิดเกมให้จบโดยเร็วจะได้ไม่ยืดเยื้อ คาราคาซัง โดยมีชีวิตของกำลังพลเป็นเครื่องสังเวยการไม่เคารพกติกาสากลของเขมร การสู้รบแบบสุภาพบุรุษอาจใช้ได้กับประเทศที่มีเกียรติและศักดิ์ศรี แต่กับคนตระกูลฮุนที่แสดงพฤติกรรมแบบโจรชั่ว อาจจำเป็นต้องใช้วิธีแบบโจรด้วยเช่นกัน
การละเมิดข้อตกลงหยุดยิงเป็นหนที่สอง พิจารณาจากพื้นที่ปะทะเห็นได้ชัดว่าฝั่งเขมรยังคงมีความพยายามที่จะเข้าโจมตีเพื่อยึดพื้นที่ของไทย แน่นอนว่า มาถึงตรงนี้ไม่ใช่เพียงแค่การตอบโต้จากแนวหน้าของกองทัพไทยเท่านั้น การโต้ตอบทางการทูต และการเมืองระหว่างประเทศของฝ่ายบริหาร ก็จำเป็นต้องทำอย่างรวดเร็วสื่อสาร พร้อมกดดันผ่านนานาประเทศ เพื่อประจานให้เห็นถึงการกระทำอันเลวร้ายของสองพ่อลูกตระกูลฮุน
ยังโชคดีที่เหตุดังกล่าวไม่มีรายงานการสูญเสียหรือบาดเจ็บของทหารไทย ส่วนการขยับตัวของทางมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน ผู้นั่งหัวโต๊ะเจรจาหยุดยิง ด้วยการจะส่งทูตทหารเข้าไปสังเกตการณ์ในพื้นที่ร่วมกับทางฝั่งเขมรและไทย โดยเลือกเดินทางไปพบปะกับอีกฝ่ายก่อนนั้น พลตรีวินธัย สุวารีโฆษกกองทัพบก ชี้ไม่มีนัยยะอะไร มันแล้วแต่วิธีปฏิบัติของทางมาเลเซียซึ่งทางมาเลเซียถือว่ามีความเป็นทางการ เป็นผู้สังเกตการณ์ และเป็นเจ้าภาพในการดูแลเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับกันว่า ด้วยความหน้าทนของ ฮุน เซน ซึ่งจะว่าไปแล้วคงไม่ต้องคาดเดาว่ามีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรแอบแฝงอยู่หรือไม่ การกระทำอันไร้เกียรติ ไม่มีศักดิ์ศรีเช่นนี้ผู้นำเขมรไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรอยู่แล้วไม่ว่าทางรัฐบาลหรือกองทัพจะประณามยังไงคนพวกนี้ก็ไม่อินังขังขอบ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องทางยุทธวิธี เมื่อมีการยิงมาก็โต้กลับ ไม่จำเป็นต้องมากังวลว่าอาวุธที่ใช้จะสมเหตุสมผลหรือไม่ เวลานี้กองทัพจำเป็นที่จะต้องลดทอนความเป็นสุภาพบุรุษลงไป เพื่อจัดการพวกอันธพาลให้เลิกก่อกวน
เชื่อได้ว่า การเปิดฉากยิงเข้ามายังที่มั่นทหารไทยทั้งสองจุดดังกล่าวนั้น ฝ่ายกองทัพได้มีการบันทึกเหตุการณ์ การสื่อสาร และพยานแวดล้อมที่ชัดเจน เพื่อเป็นหลักฐานต่อการที่ฝ่ายการเมืองโดยกระทรวงการต่างประเทศจะได้ใช้ชี้แจง และเปิดเผยให้ชาวโลกได้รับรู้ เพื่อชี้ให้เห็นว่าการที่ฝ่ายเขมรปฏิเสธข้อเท็จจริงดังกล่าว มิใช่เพียงการเพิกเฉยต่อหลักฐานที่ปรากฏ แต่ยังบั่นทอนความเชื่อมั่นของกลไกสันติภาพที่เป็นเวทีสากลซึ่งทั่วโลกให้การยอมรับอีกด้วย
ขณะเดียวกัน ทางกองทัพไทยได้มีการวิเคราะห์พฤติกรรมของทหารกัมพูชาบางหน่วยที่ยังคงใช้อาวุธหลังการหยุดยิง สะท้อนความไร้ประสิทธิภาพของการบังคับบัญชา และภาวะขาดวินัยในหมู่ทหารระดับผู้ปฏิบัติการโดยการออกมาปฏิเสธความรับผิดชอบของรัฐบาลกัมพูชา ตอกย้ำว่า กองทัพกัมพูชาไม่สามารถควบคุมกำลังพลของตนเองได้ เข้าข่าย “ภาวะล้มเหลวในการบังคับบัญชา”ระบบการบังคับบัญชาภายในกองทัพกัมพูชาขาดประสิทธิภาพ ผู้นำไม่สามารถควบคุมกำลังพลของตนเองได้ หรือหากเลวร้ายกว่านั้น อาจเป็นการที่มีผู้มีเจตนาปล่อยให้เกิดความรุนแรงเพื่อหวังผลทางการเมืองบางประการ
หากเป็นเช่นนั้น ไม่เพียงแต่ฝ่ายกองทัพเท่านั้นที่ต้องทำหน้าที่ทั้งปกป้องอธิปไตย และรวบรวมข้อมูล หลักฐานต่าง ๆ เพื่อส่งให้ทางฝ่ายการเมืองนำไปขยายผลบนเวทีนานาชาติ รัฐบาลจะโดยกระทรวงการต่างประเทศหรือโฆษกรัฐบาล ต้องแข็งขัน และรวดเร็วในการที่จะประมวล ประเมินข้อมูล เพื่อรายงานให้สื่อต่างชาติ และคนทั่วโลกได้รับรู้ถึงพฤติกรรมอันเลวทรามต่ำช้านี้ของอีกฝ่าย เป็นการสร้างความได้เปรียบ และชอบธรรมในการตอบโต้ และการยึดมั่นในกติกาสากลของประเทศไทย
สถานการณ์หลังจากนี้เมื่อทางมาเลเซียขยับด้วยการส่งผู้ช่วยทูตทหารที่ประจำทั้งสองประเทศไปสังเกตการณ์ในพื้นที่ อีกฝ่ายคงไม่กล้าที่จะเปิดเกมละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอีก ต้องดูว่าความสงบตามแนวชายแดนจะเกิดขึ้นหรือไม่ในขณะที่ปัญหาตึงเครียดระหว่างสองประเทศมีแนวโน้มที่จะคลี่คลาย โหมดการเมืองทำท่าว่าจะกลับมาร้อนแรงอีกกระทอก จากคดีความของ ทักษิณ-แพทองธาร ชินวัตรทั้งเรื่องชั้น 14 กับปมคลิปเสียง ที่ศาลผู้พิจารณาทั้งสองกรณีกำหนดไทม์ไลน์เพิ่มองศาเดือดทางการเมืองมาแล้ว
คดีชั้น 14 หลังจากที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้สืบพยานจำเลยปากสุดท้ายวานนี้(30 กรกฎาคม) ศาลได้นัดฟังคำสั่ง ในวันที่ 9 กันยายนนี้ เวลา 10.00 น.พร้อมสั่งให้ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มาฟังคำสั่งในวันดังกล่าวด้วย เช่นนี้ น่าจะเป็นจังหวะเวลาลุ้นระทึกของพ่อนายกฯส่วนประเด็นที่ว่าพยานปากสุดท้ายคือ วิษณุ เครืองามน่าจะเป็นตัวบ่งบอกทิศทางอะไรบางอย่างหรือไม่นั้น คงไม่มีใครกล้าไปวิจารณ์ เพราะจะเข้าข่ายก้าวล่วงและชี้นำศาลได้
ส่วนคดีของแพทองธาร ล่าสุด ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 5 ต่อ 4 อนุญาตให้ขยายเวลาส่งคำชี้แจงเป็นครั้งสุดท้ายได้ภายในวันที่ 4 สิงหาคมนี้นั่นหมายความว่า ถ้าผู้ถูกร้องไม่ยื่นคําชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายในกําหนดระยะเวลาดังกล่าว ให้ถือว่าผู้ถูกร้องไม่ติดใจที่จะยื่นคําชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา และศาลรัฐธรรมนูญจะดําเนินกระบวนพิจารณาต่อไป มองจากไทม์ไลน์เช่นนี้ คาดหมายว่าคดีของนายกฯ หญิงน่าจะมีบทสรุปก่อนคดีของผู้เป็นพ่อส่วนผลจะเป็นบวกหรือลบ รอดหรือร่วง หากเป็นยุคก่อนบรรดากองแช่งเชื่อขนมกินได้เลยว่าต้องเป็นอย่างหลัง แต่ยุคนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
อรชุน