Hongqi ธงแดง สัญลักษณ์อำนาจจีน สู่สมรภูมิรถหรูไทย
นับเป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวครั้งประวัติศาสตร์ของวงการยานยนต์ไทย เมื่อแบรนด์รถยนต์ที่เก่าแก่ และทรงเกียรติที่สุดของสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่าง Hongqi (หงฉี) ได้ประกาศก้าวที่สำคัญในการเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
การมาถึงของ "ธงแดง" ผืนนี้ ไม่ใช่เป็นเพียงการเพิ่มตัวเลือกในตลาดรถหรู แต่คือการนำพามรดกทางวิศวกรรม และเรื่องราวแห่งศักดิ์ศรีที่สั่งสมมาเกือบ 7 ทศวรรษ มาให้คนไทยได้สัมผัส คำว่า “หงฉี” (红旗) ในภาษาจีนมีความหมายว่า “ธงแดง” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่สะท้อนถึงพรรคคอมมิวนิสต์ และจิตวิญญาณของชนชาติจีน
แบรนด์ Hongqi ถือกำเนิดขึ้นในปี 1958 โดย First Automobile Works (FAW) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจผู้ผลิตรถยนต์รายแรกของจีน และถือเป็นแบรนด์รถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศ โดยมีเป้าหมายแรกเริ่มที่ชัดเจน คือการผลิตรถลีมูซีนระดับสูงสุดสำหรับผู้นำระดับประเทศ และใช้ในพิธีการสำคัญของรัฐเท่านั้น
รถยนต์ Hongqi จึงเปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งอำนาจ ความภาคภูมิใจ และความสำเร็จทางเทคโนโลยีของชาติ เป็นยานพาหนะคู่บารมีของผู้นำจีนหลายต่อหลายรุ่น จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญเกิดขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 2010 เมื่อ Hongqi เริ่มปรับกลยุทธ์เข้าสู่ตลาดรถยนต์หรูสำหรับภาคเอกชน และก้าวสู่ระดับสากลอย่างแท้จริงในปี 2018 ด้วยการดึงตัว มร.ไจลส์ เทย์เลอร์ (Giles Taylor) อดีตผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบของ Rolls-Royce Motor Cars เข้ามาปฏิวัติภาษาการออกแบบใหม่ทั้งหมด ทำให้ Hongqi ยุคใหม่มีภาพลักษณ์ที่หรูหรา สง่างาม และเปี่ยมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย จนเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ
การเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยของ Hongqi ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการแล้ว โดยเป็นการจับมือกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่าง บริษัท อินเตอร์ลิงค์ ออโตโมบิล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ บริษัท อินเตอร์ลิงค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้นำในธุรกิจสายสัญญาณ และโทรคมนาคมของไทย การผนึกกำลังครั้งนี้เป็นการการันตีถึงความพร้อม ด้านเงินทุน และความตั้งใจจริงในการสร้างแบรนด์ Hongqi ให้เติบโตในตลาดระยะยาว
จากข้อมูลล่าสุด ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ เกี่ยวกับแผนการสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ Hongqi ในประเทศไทย ในช่วงเริ่มต้นจะเน้นไปที่การนำเข้ารถยนต์สำเร็จรูปทั้งคัน (CBU) จากประเทศจีน เพื่อศึกษาตลาด และสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์ ก่อนจะพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการลงทุนตั้งฐานการผลิตในอนาคต
ทุกสายตาในวงการยานยนต์ต่างจับจ้องไปที่งานมหกรรมยานยนต์ครั้งยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี ซึ่งคาดกันว่าจะเป็นเวทีสำหรับการเปิดตัวแบรนด์ Hongqi สู่สาธารณชนชาวไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมประกาศราคาจำหน่าย และเปิดรับจองเป็นครั้งแรก และคาดว่าจะส่งรถยนต์ 2 รุ่น 2 สไตล์เข้ามาทำตลาดในระยะแรก เพื่อตอบสนองความต้องการ ของตลาดที่แตกต่างกัน
รุ่นแรกคือ Hongqi E-HS9 ราชันย์ SUV ไฟฟ้า "โรลส์-รอยซ์แห่งแดนมังกร" SUV ไฟฟ้าขนาดใหญ่ (Full-size) ระดับ Super Luxury ที่จะเข้ามาสร้างนิยามใหม่ให้กับตลาดรถหรูในไทย ด้วยภาพลักษณ์ที่สง่างาม เทียบชั้นแบรนด์ยุโรป แต่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% จับกลุ่มลูกค้าระดับผู้บริหาร, นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ และครอบครัวขนาดใหญ่ที่มองหายานยนต์ที่สะท้อนถึงความสำเร็จ และแตกต่างอย่างมีระดับ
รถรุ่นนี้ถูกพัฒนาขึ้นบนพแลทฟอร์มสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะของ FAW ที่ชื่อว่า FME (FAW Modular Electric) มีมิติตัวถัง ความยาวกว่า 5.2 เมตร และฐานล้อที่ยาวกว่า 3.1 เมตร ทำให้ E-HS9 มีขนาดใหญ่โต และมีพื้นที่ภายในที่โอ่อ่ากว้างขวาง ในรูปแบบ 4 ที่นั่งมอบประสบการณ์ระดับเฟิร์สคลาสสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ที่นั่งแบบ Captain Seat พร้อมคอนโซลกลางขนาดใหญ่ และยังมีรูปแบบ เบาะนั่ง 3 แถว 6 หรือ 7 ที่นั่ง ให้เลือก
ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ขับเคลื่อน 4 ล้อ (AWD) รุ่น Long Range มอเตอร์หน้าระบบ Permanent Magnet Synchronous Motor (PMSM) กำลัง 218 แรงม้า คู่กับมอเตอร์หลังกำลัง 333 แรงม้า ให้พละกำลังรวมสูงสุด 551 แรงม้า แรงบิด 750 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.8 วินาที แบทเตอรี ลิเธียมไอออน (NMC) ขนาดความจุ 99 kWh ให้ระยะทางวิ่งสูงสุดประมาณ 510 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน NEDC) และระบบช่วงล่างแบบถุงลม Air Suspension
รุ่นที่ 2 คือ Hongqi E-QM5 รถยนต์ซีดานไฟฟ้าขนาดใหญ่ (D-Segment) ที่เน้นความสะดวกสบายสูงสุดสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง วางตำแหน่งตัวเองเป็นทางเลือกใหม่สำหรับกลุ่มผู้บริหารที่ต้องการรถยนต์ประจำตำแหน่ง, ธุรกิจโรงแรม และบริการลีมูซีนรับ-ส่ง ที่ต้องการความเงียบสงบ ประหยัด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงกลุ่มลูกค้าทั่วไปที่มองหาซีดานไฟฟ้าขนาดใหญ่ในราคาที่เข้าถึงได้ใช้พื้นฐานพแลทฟอร์มร่วมกับ Hongqi H5 รุ่นเครื่องยนต์สันดาป
จุดเด่นคือ การออกแบบ ภายในที่เน้นพื้นที่ห้องโดยสารด้านหลังให้มีความกว้างขวางระดับ "First Class" มีพื้นที่วางขา (Legroom) ที่มากกว่าซีดานในระดับเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่ผ่อนคลาย ขุมพลังมอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า FWD ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตันเมตร แบทเตอรีแบบ Lithium Iron Phosphate (LFP) เป็น Blade Battery จาก BYD ขนาดความจุ 54 kWh มีระยะทางวิ่งสูงสุด 431 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน CLTC)
การมาถึงของ Hongqi ในครั้งนี้ จึงไม่ใช่เพียงการเพิ่มทางเลือก ให้กับลูกค้าชาวไทย แต่เป็นการท้าทายตลาดรถหรู ด้วยประวัติศาสตร์ที่น่าเกรงขาม และผลิตภัณฑ์ที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรม ซึ่งต้องจับตาดูว่า "ธงแดง" ผืนนี้จะโบกสะบัดอย่างสง่างามในสมรภูมิยานยนต์ของประเทศไทยได้เพียงใด