โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

อุตสาหกรรมไทยเผชิญ “ภาษีทรัมป์” ส.อ.ท. ชี้รัฐเร่งเจรจาเชิงรุก เปิดทางส่งออก

การเงินธนาคาร

อัพเดต 15 กรกฎาคม 2568 เวลา 23.57 น. • เผยแพร่ 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา

รองประธาน ส.อ.ท ชี้ภาค อุตสาหกรรมไทย เผชิญความท้าทายรอบด้าน ทั้งนโยบายกีดกันการค้า ข้อพิพาทชายแดน และปัญหาภายในกดดันเศรษฐกิจไทย แนะเร่งปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ สู่นวัตกรรม ลดพึ่งพิงต่างชาติ สร้างภูมิคุ้มกันรับมือวิกฤต จี้รัฐเร่งเจรจาภาษี 2 อัตรา 40% สำหรับสินค้าจีนผ่านไทยและ 20-25%สำหรับสินค้าไทย เปิดทางส่งออก

นายวิวรรธน์ เหมมณฑารพ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงภาพรวมและแนวทาง “ปลดล็อก” ศักยภาพภาคอุตสาหกรรมไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ในงานสัมมนา ibusiness Forum 2025 “Decode 2025: The Mid-Year Signal” ถอดสัญญาณเศรษฐกิจโลก พลิกอนาคตเศรษฐกิจไทย ว่า ปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตามองในครึ่งปีหลังมี 8 ประการ ได้แก่

  • มาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ โดยเฉพาะนโยบายภาษีของนายโดนัลด์ ทรัมป์
  • ปัญหาสินค้าทุ่มตลาดและการสวมสิทธิ์ส่งออก
  • ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะสงครามอิสราเอล-อิหร่าน
  • ข้อพิพาทพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา
  • ภาวะหนี้ครัวเรือนและหนี้ธุรกิจที่พุ่งสูง
  • ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
  • แนวโน้มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ
  • ความไม่แน่นอนทางการเมือง

ภาษี "ทรัมป์" กับวิกฤตคู่แข่งและทางออกของไทย

ประเด็นเรื่องภาษีการค้าของสหรัฐฯ ถูกยกมาเป็นความกังวลลำดับต้น ๆ โดยวิวรรธน์กล่าวว่า ประเทศที่ถูกเก็บภาษีต่ำกว่า 36% ล้วนเป็นคู่แข่งสำคัญของไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างยิ่ง

“เราคาดหวังว่าการเจรจาจะได้ผลลัพธ์ที่เป็นบวกมากกว่านี้ แต่ขนาดเศรษฐกิจของไทยไม่ได้ใหญ่มากพอที่เมื่อลดภาษีให้สหรัฐฯจำนวนมากจะสร้างการเปลี่ยนแปลงต่อ GDP ของสหรัฐฯ ได้อย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นเชื่อว่าผลกระทบทางการเมืองและประเด็นความมั่นคงเป็นสิ่งที่สหรัฐฯ น่าจะให้ความสำคัญอย่างมาก แต่ขณะเดียวกันประเทศไทยก็อยู่ในจุดที่ล่อแหลมการอนุญาตให้สหรัฐฯ ตั้งฐานทัพจึงอาจไม่ใช่แนวทางที่เหมาะสมในการเจรจา”

นายวิวรรธน์ย้ำว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญกับ “กับดัก” ที่ขาดแคลนสินค้าที่มี นวัตกรรม ทำให้ประเทศมีอำนาจต่อรองในเวทีโลกน้อยลง เนื่องจากไทยยังคงพึ่งพิงการรับจ้างผลิตเป็นหลัก “เราเป็นประเทศที่ไม่มีอำนาจต่อรองในเวทีโลก เราผลิตสินค้าแบบรับจ้าง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเมื่อเผชิญกับการกีดกันทางการค้า เราจะประสบปัญหาหนัก

ถ้าประเทศไทยไม่มีการปรับตัวเพื่อสร้างความเป็นตัวตนของเราให้หลุดพ้นจากสถานการณ์นี้เราจะลำบากเพราะปัจจุบันประเทศไทยพึ่งพิงต่างประเทศถึง 80% เราไม่ได้มีนวัตกรรมเป็นของตนเอง นอกจากภาคการท่องเที่ยวที่คิดเป็น 15-20% แล้ว เราก็ไม่มีอะไรอื่นที่โดดเด่น”

แนวโน้มการส่งออกครึ่งปีหลังชะลอตัว จับตา "China Flooding" ฉุดภาคผลิตไทย

สิ่งที่น่ากังวลคือ แม้ว่าอัตราการส่งออกในช่วงครึ่งปีแรกส่วนใหญ่จะอยู่ในภาวะขยายตัว โดยเฉพาะตลาดอินเดีย สหรัฐอเมริกา และจีน แต่คาดการณ์ว่าการส่งออกไปยังตลาดเหล่านี้จะเริ่มชะลอตัวลงในช่วงครึ่งปีหลัง

นอกจากนี้ ปัญหา "China Flooding" หรือการที่จีนผลิตสินค้าได้ปริมาณมากและราคาถูก จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่ออุตสาหกรรมการผลิตของไทย สินค้าใดก็ตามที่จีนสามารถผลิตได้ ไทยจะต้องเผชิญกับการแข่งขันที่ยากลำบากและเหน็ดเหนื่อย เนื่องจากจีนมีทั้งขนาดการผลิตที่ใหญ่ ต้นทุนที่สามารถแข่งขันได้ และเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า

ดังนั้น สิ่งที่ประเทศไทยต้องเร่งดำเนินการคือ การเปลี่ยนให้จีนเป็น "ตลาด" มากกว่า "คู่แข่ง" โดยมุ่งเน้นการส่งออกสินค้าที่ไทยมีศักยภาพ เช่น อุตสาหกรรมอาหารและไบโออีโคโนมี

ทั้งนี้โครงสร้างเศรษฐกิจที่ยังไม่แข็งแกร่งทำให้ไทยยังคงผลิตสินค้าและชิ้นงานที่คล้ายคลึงกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม จีน และอินโดนีเซีย ซึ่งประเทศเหล่านี้กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ความสามารถในการแข่งขันของไทยลดลง

เจรจาภาษีสหรัฐฯ 2 อัตรา- 40% สินค้าจีนผ่านไทย และ 20-25%สำหรับสินค้าไทย

สำหรับแนวทางการรับมือกับภาษีที่อาจเกิดขึ้น นายวิวรรธน์เสนอให้ภาครัฐเจรจาโดยแบ่งอัตราภาษีเป็น สองระดับ ได้แก่ การรักษาสัดส่วน 40% สำหรับสินค้าที่เป็นทางผ่าน เช่น สินค้าจากจีนที่ผ่านไทยและประกอบเพื่อให้เทียบเท่ากับเวียดนาม และลดภาษีเหลือ 20-25% สำหรับสินค้าไทยที่มีสัดส่วน Made in Thailand หรือมี Local Content สูงเกิน 50-60% โดยเฉพาะอุปกรณ์ดิจิทัล เช่น ฮาร์ดดิสก์ ชิปต่างๆ ที่ผลิตในไทยโดยบริษัทอเมริกาหรือภาคการเกษตรที่เป็นของไทย

ทั้งนี้กลุ่มสินค้าไทยที่มีความเสี่ยงสูงจากมาตรการภาษีชุดนี้ ได้แก่ เฟอร์นิเจอร์ เหล็ก และอะลูมิเนียม ซึ่งจะได้รับผลกระทบอย่างมาก ส่วนยานยนต์และส่วนประกอบยางรถยนต์ จัดอยู่ในกลุ่มความเสี่ยงปานกลาง เนื่องจากมูลค่าการส่งออกไม่สูงนัก ขณะที่เภสัชกรรมและเชื้อเพลิงจัดเป็นความเสี่ยงต่ำ เพราะไทยส่งออกให้สหรัฐฯ น้อยอยู่แล้ว

ในส่วนของเทคโนโลยีขั้นสูงอย่าง AI และชิป นายวิวรรธน์กล่าวว่าสหรัฐฯ มีความเข้มงวดเป็นพิเศษ เนื่องจากกังวลว่าไทยอาจเป็นทางผ่านในการส่งชิปไปยังจีน ซึ่งอาจนำไปสู่การถูกบล็อก อย่างไรก็ตามเชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยโดยรวม เนื่องจากบริษัทข้ามชาติจากสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และไต้หวันที่ประกอบกิจการในไทยสามารถเจรจากับรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อขอโควตาเป็นรายกรณีได้

ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชากระทบเศรษฐกิจแสนล้าน

นายวิวรรธน์ชี้ว่าจาก 8 ปัจจัยเสี่ยง มี 4 ข้อที่ทั่วโลกกำลังเผชิญร่วมกันคือ มาตรการกีดกันทางการค้า สินค้าทุ่มตลาด ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่สำหรับประเทศไทย มีปัจจัยข้อ 4 คือ "ข้อพิพาทพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา" เพิ่มเข้ามา ซึ่งมีผลกระทบทางเศรษฐกิจมหาศาลถึงหลัก “แสนล้านบาท” เนื่องจากมีการค้าชายแดนจำนวนมาก

“ข้อพิพาทพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาเป็นเรื่องใหม่ที่เข้ามาแต่อิมแพคเศรษฐกิจเป็นแสนล้าน เพราะฉะนั้นก็เป็นเรื่องที่น่ากังวล เพราะเรามีมูลค่าการค้าชายแดนไทยประมาณแสนล้าน” นายวิวรรธน์เสนอให้ภาครัฐควบคุมเฉพาะส่วนที่เป็นผิดกฎหมาย เช่น สแกมเมอร์ หรือคาสิโน แต่ควรเปิดให้มีการค้าขายทั่วไปตามปกติ เนื่องจากกัมพูชาเองก็ได้รับความเสียหายทางเศรษฐกิจกว่า 40,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับขนาดเศรษฐกิจ

หนี้ครัวเรือนและความไม่แน่นอนทางการเมือง

นอกจากนี้ หนี้ครัวเรือน ที่ทะลุ 80% ของ GDP เป็นอีกหนึ่งความกังวล โดยนายวิวรรธน์ระบุว่าแม้จะมีการแก้ไขจากธนาคารแห่งประเทศไทยและสมาคมธนาคารไทย แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือในอดีตผู้เป็นหนี้ครัวเรือนยังพอมีรายได้ที่มั่นคง แต่ปัจจุบัน รายได้ไม่มั่นคง ทำให้ไม่สามารถชำระหนี้ได้
สุดท้าย นายวิวรรธน์ย้ำว่า ความไม่แน่นอนทางการเมือง เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องแก้ไข “ประเทศไทยวันนี้มีปัจจัยอิมแพคเยอะมาก เพราะฉะนั้นถ้ายังมีปัจจัยภายในที่เรายังไม่สามารถควบคุมให้นิ่งเราจะลำบาก”

อ่านข่าว เศรษฐกิจทั่วไทย ทั้งหมด ได้ที่นี่

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก การเงินธนาคาร

พิษ “ทรัมป์” จุดชนวนสงครามการค้า ดันราคาทองคำพุ่ง

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

หุ้นไทย ปิดบวก 17.70 จุด รับแรง Cover Short หุ้นใหญ่ สลับขายกลุ่มแบงก์กังวล NIM หด

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

“เมอร์เคิล แคปปิตอล” ชี้ Stablecoin-Ethereum จ่อทะยานตาม Bitcoin พุ่ง รับสภาพคล่องทั่วโลกหนุน

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

สมาคมธนาคารไทย พร้อมทำงานกับผู้ว่าฯ ธปท. คนใหม่ หนุนแก้ปัญหา

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

สมาคมการค้าผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไทย เปิดหลักสูตร Digital Asset for Operators ยกระดับบุคลากรในอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลไทยสู่มาตรฐานสากล

BTimes

เปิดใช้แล้ว!สะพานเชื่อมระบบนิเวศ จ.ระยอง-จ.จันทบุรี สาย รย.4060 “เขาอ่างฤาไน - เขาชะเมา - เขาวง”

Manager Online

ไทยฮอนด้า ครบรอบ 60 ปี มอบหมวกกันน็อก มูลค่า 60 ล้านบาท ให้สถานศึกษาและหน่วยงานรัฐทั่วประเทศ

MATICHON ONLINE

ครม.ไฟเขียว 4 เก้าอี้บิ๊ก กระทรวงหูกวาง "ปิยพงษ์" ขึ้นอธิบดีทล. "สรพงศ์" สมหวัง คุมกรมขนส่งฯ "ปัญญา-ชาครีย์" นั่งรองปลัดฯ

สยามรัฐ

เดือด! ตลท. คุมเข้ม "DV8" ระดับ 2 ห้าม Net Settlement - ซื้อขายผ่าน Auction

PostToday

เฟรเซอร์สฯบุกสุขุมวิทตอนปลาย เปิดแบรนด์ใหม่'โกลดีน่า'พรีเมียมทาวน์โฮม ชูทำเลดี-ตอบโจทย์ชีวิตยุคใหม่

Manager Online

กรมการท่องเที่ยวชี้งาน TCX 2025 เป็นพลังขับเคลื่อนอุตสาหกรรมบันเทิงไทยสู่เวทีโลก

สยามรัฐ

ฮุนได เปิดตัว “The all-new SANTA FE” พลิกโฉมวงการ SUV ชูดีไซน์ Boxy หรูหรา สมรรถนะไฮบริด ราคาเริ่มต้น 1.599 ล้านบาท

BTimes

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...