จีนและอินเดียจะกลับมาให้บริการเที่ยวบินอีกครั้ง หลังการเจรจาทางการทูตที่เป็นบวก
จีนและอินเดียประกาศว่าจะกลับมาให้บริการเที่ยวบินตรงอีกครั้งในความก้าวหน้าทางการทูตครั้งใหม่ ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศจีนเสร็จสิ้นการเยือนก่อนจะมุ่งหน้าต่อไปยังปากีสถาน
นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดียจับมือกับหวังอี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน (ซ้าย) ระหว่างการประชุมทวิภาคีที่กรุงนิวเดลี เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม (Photo by Indian Press Information Bureau (PIB) / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 20 สิงหาคม 2568 กล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและอินเดียมีแนวโน้มฟื้นฟูอีกครั้ง หลังเสร็จสิ้นการเยือนนิวเดลีของหวังอี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน
รัฐบาลปักกิ่งและนิวเดลีได้ตกลงที่จะเดินหน้าการเจรจาเกี่ยวกับเขตแดนที่เป็นข้อพิพาท, กลับมาดำเนินการออกวีซ่าท่องเที่ยว, ส่งเสริมการค้าระหว่างกัน และกลับมาให้บริการเที่ยวบินตรงอีกครั้ง
ในการเจรจาเกี่ยวกับปัญหาชายแดน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของอินเดียระบุว่า ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะสำรวจความเป็นไปได้ในการผลักดันการเจรจากำหนดเขตแดน และให้คำมั่นว่าจะเปิดตลาดการค้าชายแดนสามแห่งอีกครั้ง ตามรายงานของสำนักข่าวซินหัว
ก่อนหน้านี้ ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกเสื่อมถอยลงหลังจากเหตุปะทะกันครั้งใหญ่บริเวณชายแดนในปี 2020
แต่ความตึงเครียดเริ่มคลี่คลายลงในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว เมื่อนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดียได้พบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี ในการประชุมสุดยอดที่รัสเซีย อีกทั้งโมดีจะเดินทางเยือนจีนในช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งเป็นการเยือนครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2018
หลังเสร็จภารกิจในอินเดีย หวังอี้มีกำหนดเดินทางเยือนปากีสถานซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญของอินเดียและเป็นหนึ่งในพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุดของจีนในภูมิภาคนี้
"ทั้งอินเดียและปากีสถานเป็นเพื่อนบ้านสำคัญของจีน เรายินดีที่จะเสริมสร้างความร่วมมือฉันมิตรกับทั้งสองประเทศ และหวังว่าความแตกต่างระหว่างสองประเทศนี้จะได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม" เหมา หนิง โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนกล่าวในการแถลงข่าวประจำวัน
เธอกล่าวถึงจีนและปากีสถานว่าเป็นเพื่อนที่แข็งแกร่งและเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่พร้อมเผชิญทุกสถานการณ์
จีนได้ทุ่มเงินหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเข้าสู่ปากีสถานเพื่อสนับสนุนโครงการคมนาคม, พลังงาน และโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road) ของรัฐบาลปักกิ่ง
รัฐบาลอิสลามาบัดใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ที่ผลิตในจีน รวมถึงเครื่องบินรบ โจมตีอินเดียในช่วงความขัดแย้งสี่วันในเดือนพฤษภาคม ซึ่งมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 70 ราย
ความขัดแย้งนี้เกิดจากการโจมตีนักท่องเที่ยวโดยกลุ่มมือปืนในแคชเมียร์ที่อินเดียปกครอง ซึ่งรัฐบาลนิวเดลีกล่าวหาอิสลามาบัดว่าให้การสนับสนุนแต่ปากีสถานปฏิเสธ
ทั้งอินเดียและปากีสถานอ้างสิทธิ์ในแคชเมียร์อย่างเต็มที่ ซึ่งทั้งสองประเทศได้ทำสงครามหลายครั้งในภูมิภาคที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม นับตั้งแต่ได้รับเอกราชจากอังกฤษในปี 1947
หวังอี้กล่าวว่า จีนสนับสนุนปากีสถานในการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน ในการเจรจากับโมฮัมหมัด อิสฮัก ดาร์ รัฐมนตรีต่างประเทศปากีสถานในเดือนพฤษภาคม เพียงไม่กี่วันหลังจากที่รัฐบาลอิสลามาบัดและนิวเดลีตกลงหยุดยิง
กระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวเมื่อวันอังคารว่า หวังอี้มีกำหนดเดินทางถึงปากีสถานและจะปฏิบัติภารกิจจนถึงวันศุกร์ พร้อมเข้าร่วมการเจรจาเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศจีน-ปากีสถาน รอบที่ 6.