CPALL โบรกมองเป็นกลางถึงบวก โปรโมชั่นแสตมป์-หมีเนยดันยอดขายครึ่งปีหลัง
CPALL โบรกมองเป็นกลางถึงบวก โปรโมชั่นแสตมป์-หมีเนยดันยอดขายครึ่งปีหลัง
#cpall #ทันหุ้น – การซื้อขายหุ้นของบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL วันที่ 20 ส.ค.68 เคลื่อนไหวในช่วง 44.75-45.25 บาท ปิดครึ่งวันเช้าราคาหุ้นอยู่ที่ 45.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือเพิ่มขึ้น 0.56% มูลค่าการซื้อขาย 785 ล้านบาท
CPALL จัดประชุมนักวิเคราะห์วันที่ 19 ส.ค.68 IAA Consensus ให้คำแนะนำ “ซื้อ” 17 ราย ให้คำแนะนำ “ถือ” 1 ราย ไม่มีคำแนะนำ “ขาย” ราคาเหมาะสมอยู่ในช่วง 57.25-80.00 บาท ค่ากลางอยู่ที่ 65.75 บาท โบรกเกอร์ได้ออกบทวิเคราะห์ในวันที่ 20 ส.ค.68 มีมุมมองดังนี้
บล.เคจีไอ
บล.เคจีไอระบุว่า ภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวยอาจจะทำให้อุปสงค์โดยรวมแผ่วลง อย่างไรก็ตาม บริษัทจะยังคงเดินหน้าวางจำหน่ายสินค้าใหม่ๆ และ ลดต้นทุนเพื่อรองรับยอดขายที่อ่อนแอ
ได้รับผลกระทบไม่มากนักจากกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา
ในปัจจุบัน ผลกระทบจากกรณีพิพาทไทย-กัมพูชายังน้อยมาก ทั้งในส่วนของร้านที่อยู่บริเวณพรมแดนและ ร้านที่อยู่ในกัมพูชาเพราะมีเพียงประมาณ 10 ร้านที่อยู่บริเวณแนวชายแดน และ 123 ร้านในประเทศกัมพูชา โดยยอดขายของร้านในพื้นที่ดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วนเพียงไม่ถึง 1% ของยอดขายรวมเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารยังไม่ได้พูดถึงแผนการขยายสาขาในกัมพูชาหลังเกิดกรณีพิพาทรอบนี้
บล.เคจีไอแนะนำ”ซื้อ” CPALL โดยประเมินราคาเป้าหมายครึ่งปีแรก 2569 ที่ 60.00 บาท
บล.ดาโอ
บล.ดาโอมีมุมมองเป็นกลางต่อการประชุมนักวิเคราะห์ เนื่องจากกำไรปี 2568 ยังมีแนวโน้มเติบโตได้จากการขยายตัวของ GPM และการเปิดสาขาใหม่ โดย SSSG QTD อยู่เพียงระดับทรงตัว จากยังถูกกดดันจากฤดูกาล (ฝนตก) และการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวที่ยังช้า
โดยประเด็นสำคัญคือ
1. ยังคงกลยุทธ์เน้นเพิ่มสัดส่วนสินค้า Ready-to-Eat (RTE) และ non-food กําไรสูง เช่น personal care เพื่อช่วยหนุน GPM โดยในไตรมาส 2/68 อยู่ที่ 22.8% (+40 bps YoY) และ CVS GPM อยู่ที่ 29.3% (+30 bps YoY) แม้สัดส่วนบุหรี่ที่ลดลงจะ normalized ไปแล้วในไตรมาส 2/68
2. บริษัทประเมิน SSSG ไตรมาส 3/68 QTD ใกล้เคียงกับไตรมาส 2/68 (-0.8%) เนื่องจากยังเป็นช่วงฤดูฝน (low season) ที่กดดัน traffic ลูกค้าให้อ่อนตัว ขณะที่ basket size ยังรักษาระดับได้ที่ 88 บาท/บิล โดยคาดว่า 7-Delivery + Stamp Campaign (เริ่ม 24 ส.ค. 2568) จะช่วยกระตุ้นยอดขายในช่วง low season ได้
3. ในครึ่งปีหลัง 2568 บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานยังขยายตัวได้ โดยเฉพาะในไตรมาส 4/68 จากปัจจัย high season ของการท่องเที่ยวจากวันหยุดยาว, สินค้าใหม่ และการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยว ขณะที่ CPAXT ยังคงเป็นฐานรายได้เสริม แม้การเติบโตชะลอตามภาวะเศรษฐกิจ
4. ปัจจุบันเริ่มเห็นผลกระทบต่อยอดขายของสาขาในกัมพูชาและในพื้นที่ชายแดนมากขึ้นอย่างไรก็ดีคาดเห็นเป็นผลกระทบต่อยอดขายที่จำกัดมาก โดยมีสัดส่วนต่อรายได้รวมของธุรกิจ CVS ที่ต่ำกว่า <1%
คงประมาณการกำไร 2568/69 อยู่ที่ 2.7/2.9 หมื่นล้านบาท โต +8.0%/+6.3% YoY บล.ดาโอยังคงประมาณการกำไร 2568/69 ที่ 2.7/72.9 หมื่นลบ. โต +8.0%/+6.3% YoY จากกำไรปี 2567 ที่ 2.5 หมื่นลบ. (+37% YoY) โดยได้รับแรงหนุนจากการขยายสาขา, การเพิ่มสัดส่วนสินค้า RTE และ non-food ที่ช่วยขยาย margin และ upside จากต้นทุนค่าไฟที่ลดลง
Valuation/Catalyst/Risk
บล.ดาโอคงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 70.00 บาท อิง PER 2568 ที่ 23x (-0.9SD จากค่าเฉลี่ย 5 ปี) โดยหุ้นซื้อขายที่ PER ปี 2568 ราว 14.7x คิดเป็นราว -1.5SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่อนหลัง 5 ปี ปัจจัยหนุนอยู่ที่การขยายสาขาและการปรับ mix สินค้า ขณะที่ความเสียงหลักยังคงเป็นภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัวและการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวที่ต่ำคาค
บล.ทิสโก้
บล.ทิสโก้ มีมุมมองการประชุมเป็นกลางไปจนถึงค่อนข้างบวก ผลกระทบจากสภาพอากาศต่อการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSg) น่าจะเป็นจุดต่ำสุดของผลการดำเนินงาน ขณะที่ผลกระทบจากความขัดแย้งชายแดนน่าจะมีน้อยและสามารถจัดการได้
ในส่วนของผลกระทบจากปัญหาความขัดแย้งชายแดน ประการแรก CPALL มีร้านค้าในประเทศไทยน้อยกว่า 100 สาขาใกล้กับชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา จำนวนลูกค้าลดลงอย่างมาก แต่ผลกระทบโดยรวมต่อยอดขายน่าจะน้อยกว่า 1% หากความตึงเครียดลดลง จำนวนลูกค้าน่าจะกลับมาเป็นปกติ
ประการที่สอง CPALL มีร้านค้า 123 สาขาในกัมพูชา ซึ่ง 80% เป็นร้านแฟรนไชส์ ร้านค้าทั้งหมดยังคงเปิดให้บริการอยู่ แต่จำนวนลูกค้าลดลงเนื่องจากแรงกดดันทางสังคมให้ซื้อสินค้าไทยและเข้าสู่ร้านค้าในไทย บริษัทมีเป้าหมายที่จะเพิ่มสินค้าท้องถิ่นและการจัดหาวัตถุดิบในท้องถิ่นเพื่อช่วยลดความเสี่ยง
สินค้าราคาสูงและอัตรากำไรขั้นต้นสูงยังคงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นและเป็นตัวขับเคลื่อนอัตรากำไรขั้นต้นที่สำคัญ CPALL เน้นว่าสินค้าประเภทดูแลส่วนบุคคล สุขภาพ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว และยาสามัญประจำบ้าน เป็นตัวขับเคลื่อนหลักในกลุ่มที่ไม่ใช่อาหาร ขณะที่กลุ่มอาหารยังคงมีอาหารพร้อมรับประทานและขนมไทยเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก
มุมมองเชิงบวกต่อโปรโมชั่นช่วงฤดูฝน โปรโมชั่นแสตมป์กลับมาอีกครั้งในช่วง low season โดยมีหมีเนย เป็นพรีเซ็นเตอร์หลัก โดยแคมเปญก่อนหน้านี้ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย และน่าจะช่วยเพิ่มยอดขาย SSSg ในไตรมาส 3 และไตรมาส 4
บล.ทิสโก้คงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ CPALL โดยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 73.00 บาท
บล.กรุงศรี
บล.กรุงศรีมีมุมมองในการประชุมนักวิเคราะห์เป็นไปอย่างเป็นกลาง โดยภาพรวมของไตรมาส 3/68 ยังคงใกล้เคียงกับไตรมาส 2/68 โดยยอดขายสาขาเดิม (same-store-sales growth) อยู่ที่ประมาณ -0.8% เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญความท้าทายจากแนวโน้มการบริโภคที่ชะลอตัวและจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง อย่างไรก็ตาม บล.กรุงศรียังคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 80 บาท เนื่องจากมีการเติบโตของยอดขายที่ดีจากการเพิ่มสาขาที่เหมาะสม (ปีละ 700 สาขา) และอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นจากทั้งสินค้าอาหาร (อาหารพร้อมทาน – RTE) และสินค้าที่ไม่ใช่อาหาร (ผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายและสุขภาพ)
CPALL โบรกมองเป็นกลางถึงบวก โปรโมชั่นแสตมป์-หมีเนยดันยอดขายครึ่งปีหลัง