ย้อนไทม์ไลน์เจรจา ‘อินเดีย-สหรัฐฯ’ คุยอย่างไรจึงโดนภาษีสูงถึง 50%
สหรัฐฯ เริ่มบังคับใช้มาตรการภาษีนำเข้าสินค้าจากอินเดียสูงสุดถึง 50% เมื่อวันพุธที่ผ่านมา นับเป็นการยกระดับความตึงเครียดระหว่างสองประเทศประชาธิปไตยที่ใหญ่ที่สุดในโลกและพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ ภายหลังการเจรจาการค้าอันยาวนานระหว่างสองฝ่ายไม่สามารถหาข้อยุติในหลายประเด็นสำคัญได้
ย้อนกลับไปในเดือนกุมภาพันธ์ อินเดียภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ตกลงที่จะเดินหน้าข้อตกลงการค้าจำกัดกับสหรัฐฯ ภายในฤดูใบไม้ร่วงปี 2025 และขยายข้อตกลงทวิภาคีให้มีมูลค่า 5 แสนล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 พร้อมทั้งสัญญาจะเพิ่มการซื้อพลังงานจากสหรัฐฯ
เดือนมีนาคม รัฐมนตรีพาณิชย์อินเดียปิยุช โกยัล เดินทางเยือนวอชิงตันพบผู้บริหารการค้าอเมริกา ก่อนที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ จะตอบโต้ด้วยการเยือนกรุงนิวเดลี ทั้งสองฝ่ายแสดงความคืบหน้าในการเจรจา ขณะที่รายงานประจำปีของ USTR ชี้ถึงอุปสรรคหลายด้านของอินเดีย ทั้งภาษีนำเข้าที่สูง ข้อจำกัดไม่ใช่ภาษี กฎหมายข้อมูล และปัญหาลิขสิทธิ์
ในเดือนเมษายน รองประธานาธิบดีเจมส์ เดวิด วานซ์ เยือนอินเดียและทั้งสองฝ่ายสรุปข้อตกลงกรอบการเจรจา อินเดียมองว่าอาจลงนามข้อตกลงก่อนกำหนด 9 กรกฎาคม
แม้เดือนพฤษภาคมและมิถุนายนจะมีการเดินทางระหว่างผู้แทนอินเดียและสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง พร้อมความคาดหวังว่าจะได้ข้อสรุป แต่ความไม่ลงรอยเรื่องอัตราภาษีนำเข้าสินค้าเกษตรทำให้เจรจาติดขัด ความหวังในการบรรลุข้อตกลงก่อนกำหนดสลายไป โดยโมดีปฏิเสธคำเชิญของโดนัลด์ ทรัมป์ไปเยือนวอชิงตัน
เดือนกรกฎาคม การเจรจายังคงไม่ประสบผลสำเร็จ รัฐมนตรีพาณิชย์อินเดียยืนยันว่าอินเดียจะไม่ทำข้อตกลงเพียงเพื่อให้ทันกำหนดเวลา และผลประโยชน์ของประเทศต้องมาก่อน ขณะที่ทรัมป์ประกาศภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากอินเดียและเตือนว่าจะเพิ่มอีก 25% หากอินเดียยังซื้อพลังงานจากรัสเซีย
ภายในเดือนสิงหาคม ภาษี 25% เริ่มบังคับใช้ โมดียืนยันไม่ยอมลดสิทธิประโยชน์ของเกษตรกรแม้ต้องจ่าย “ราคาที่สูง” อินเดียเรียกมาตรการเกี่ยวกับการซื้อพลังงานจากรัสเซียว่า “ไม่เป็นธรรม” พร้อมยืนยันจะปกป้องผลประโยชน์ชาติ ขณะที่การเดินทางของคณะสหรัฐฯ ไปนิวเดลีระหว่างวันที่ 25-29 สิงหาคม ถูกยกเลิก ก่อนที่วันที่ 27 สิงหาคม จะมีการเพิ่มภาษีอีก 25% ทำให้ภาษีนำเข้าจากอินเดียสูงถึง 50% ซึ่งเป็นหนึ่งในระดับสูงสุดสำหรับคู่ค้าสหรัฐฯ