จ่อค้นพระชั้นผู้ใหญ่สมณศักดิ์สูง
นอนคุกคืนแรก “สีกากอล์ฟ” ไม่เครียด แค่กังวล “บิ๊กเต่า” เร่งสอบเส้นเงินคนรอบข้างพระฉาว ลั่นไม่จบแค่สึก จ่อค้นพระชั้นผู้ใหญ่สมณศักดิ์สูง ทุจริตเงินบริจาค พัวพัน ผญ. “ป.ป.ช.” ขยับตามงาน พศ. ด้านเจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาทดอดสึกวัดหลักสี่ฯ แล้ว
เมื่อวันที่ 18 ก.ค. นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดนนทบุรี ในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงกรณีศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ออกหมายขังระหว่างสอบสวน ครั้งที่ 1 จำนวน 12 วัน ให้ขัง น.ส.วิลาวัลย์ หรือสีกากอล์ฟ ว่าทัณฑสถานหญิงกลางได้นำตัวผู้ต้องขังเข้าแดนระหว่างพิจารณาคดี ดำเนินการตามกระบวนการรับตัวและนำตัวกักโรคตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่อ โดยกักตัวร่วมกับผู้ต้องขังเข้าใหม่รายอื่นทั่วไป พูดคุยกับเจ้าหน้าที่และผู้ต้องขังร่วมห้องกักโรคบ้าง ไม่ได้มีพฤติกรรมแยกตัวผิดปกติใดๆ ซึ่งคุมขัง 5 วันก่อนพิจารณาย้ายคุมขังแดนอื่นต่อไป
นางกนกวรรณกล่าวว่า เบื้องต้นดำเนินการตรวจสุขภาพทั่วไปปกติ ไม่มีโรคประจำตัว ให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูล ให้ประวัติกับเรือนจำเป็นอย่างดี รับประทานได้ปกติ แต่ยังดูมีความกังวลเล็กน้อยในการปรับตัวกับสถานที่และเพื่อนผู้ต้องขัง พูดน้อย แววตามีความกังวล แต่ไม่แสดงอาการเครียดหรือเศร้าซึมให้เห็นชัดเจนมากนัก นอนหลับได้บ้าง รับฟังข้อมูลการปฏิบัติตัวในเรือนจำ ไม่ได้สอบถามหรือแสดงความต้องการใดๆ เป็นพิเศษ
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เข้าขอข้อมูลหลักฐานเส้นทางการเงินของวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารว่า เราต้องการเส้นทางการเงินของวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารย้อนหลัง 3 ปี เนื่องจากผู้ช่วยเจ้าอาวาสมีส่วนเกี่ยวข้องกับสีกากอล์ฟ โดยเราจะตรวจสอบคดีอาญาคู่ขนานไปกับวินัยสงฆ์ จะเก็บพยานหลักฐานทุกอย่างเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
เมื่อถามว่า เจ้าอาวาสจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวว่า อย่าเพิ่งไปกล่าวหา ขอให้ดำเนินการตรวจสอบกับพระทั้ง 13 รูปที่เกี่ยวพันกับสีกากอล์ฟก่อน ก่อนที่จะขยายผลไปกับบุคคลอื่น รวมไปถึงเจ้าอาวาสวัดด้วยเช่นกัน เนื่องจากเป็นบุคคลใกล้ชิด และยังเป็นผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย โดยทิดประสิทธิ์เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งสองที่ แต่หากการตรวจสอบพบว่าเกี่ยวข้องกับใคร ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาแน่นอน
พล.ต.ต.จรูญเกียรติระบุว่า หลังจากนี้ทางตำรวจจะมุ่งเน้นในเรื่องของเส้นทางการเงิน โดยไม่ได้หยุดแค่พระสึกแล้วจบ แต่มุ่งเน้นเส้นเงินที่เชื่อมไปบุคคลภายนอกที่เป็นฆราวาส หรือบุคคลใกล้ชิดกับพระที่จะเข้าข่ายการทุจริต เรื่องเหล่านี้จะต้องมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
รอง ผบช.ก.ยังกล่าวถึงการร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ว่า เป็นไปด้วยความเข้าใจกัน ไม่ได้จูบปาก แต่เป็นเพียงการหอมแก้มกัน หลังจากที่มีการสะท้อนปัญหาและมุมมองในการทำงาน ซึ่งการทำงานไม่ควร “ค่ะ ครับ” แล้วเรื่องจบ ต้องมีแรงกระแทกให้เห็นว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ ต้องตื่นตัว ต้องแก้ไขกระบวนการ โดยการทำงานร่วมกันทุกอย่างจะต้องมีความจริงใจต่อกัน ย้ำว่าไม่ได้มีการขัดแย้งกัน
รอง ผบช.ก.เปิดเผยถึงการเตรียมจะเข้าดำเนินการทางกฎหมายกับพระสมณศักดิ์ชั้นผู้ใหญ่มีความเกี่ยวข้องสีกา ซึ่งเป็นคนละเคสกับสีกากอล์ฟว่า เรื่องนี้มีการร้องเรียนเข้ามาในศูนย์ทำนุบำรุงศาสนามานานแล้ว โดยเกี่ยวกับพระชั้นผู้ใหญ่ มีการทุจริตเงินขอบริจาคสร้างศาสนสถาน แต่ยังไม่เสร็จ โดยเป็นเงินหลายร้อยล้านบาท นอกจากนี้ พระรูปดังกล่าวยังมีความเกี่ยวข้องกับสีกา ซึ่งเรื่องนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ แต่ตำรวจได้เปิดปฏิบัติการมาได้สักพักแล้ว พบว่ามีความผิดถึงขั้นปาราชิก แต่อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานที่จะดำเนินคดีในทางอาญา
“พระรูปนี้มีสมณศักดิ์สูงกว่าคดีสีกากอล์ฟ ส่วนจะเป็นวัดไหน หรือพระรูปใด ขอยังไม่ระบุ แต่มั่นใจว่าจะดำเนินการเข้าตรวจค้นกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในเร็วๆ นี้” พล.ต.ต.จรูญเกียรติระบุ
ขณะที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ข้อเสนอแนะเพื่อการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับงบประมาณเงินอุดหนุนวัดของ พศ. ซึ่งเคยเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อปี 2563 โดย ครม.ได้มีมติเมื่อวันที่ 28 ต.ค.63 รับทราบข้อเสนอแนะดังกล่าวตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอและให้ พศ.เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอแนะฯ ดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการ
ในข้อเสนอแนะของ ป.ป.ช. อาทิ ให้ พศ.มีระบบฐานข้อมูลกลาง โดยจัดเก็บข้อมูลพื้นฐานของวัดที่จำเป็น เช่น ข้อมูลพื้นฐานและความจำเป็นของวัด ข้อมูลการอุดหนุนงบประมาณของหน่วยงานภาครัฐ ข้อมูลฐานะการเงินและรายรับ-รายจ่ายของวัด ข้อมูลศาสนสถาน ข้อมูลโรงเรียนพระปริยัติธรรม ข้อมูลจำนวนพระภิกษุ-สามเณร
ป.ป.ช.ยังระบุด้วยว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ที่ผ่านมาสำนักงาน ป.ป.ช.ได้ดำเนินการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ และประสานงานร่วมกับ พศ. ในฐานะหน่วยงานหลักตามมติ ครม. ในการขับเคลื่อนข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตดังกล่าว โดยจัดทำเป็นแผนในการขับเคลื่อนข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับงบประมาณเงินอุดหนุนวัดของ พศ. ในการนี้ สำนักงาน ป.ป.ช.จะดำเนินการติดตามและประเมินผลตามแผนขับเคลื่อนดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป
วันเดียวกัน เฟซบุ๊ก "ไก่แก้ว สารพัดนึก" ของพระราชวัชรสาครคณี เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาคร เจ้าอาวาสวัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร ได้เผยแพร่ภาพขณะที่พระมหาทิวากร ดีไพร เจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ต.ท่าจีน อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร ทำพิธีลาสิกขาที่อุทยานหลวงพ่อโต วัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร ต.ยกกระบัตร อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร พร้อมข้อความระบุว่า “มหาทิวากร อดีตเจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ลาสิกขาที่อุทยานหลวงพ่อโต วันที่ 17 กรกฎาคม 2568 เวลา 20.41 น. ให้เหตุผลว่าเพื่อความสบายใจของคณะสงฆ์ ยังปัดไม่ปาราชิก”
ส่วนที่วัดอัมพรินทร์คูหา หรือวัดถ้ำม่วง อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก หลังมีกระแสข่าวว่า พระมหายอดเพชร หรือพระครูศรีรัตนวิเชียร อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าบัวทอง ได้เดินทางมาลาสิกขาอย่างเงียบๆ ที่วัดแห่งนี้ เมื่อค่ำวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น พระครูสุภาจารประสิทธิ์ เจ้าคณะตำบลบ้านมุง ได้ออกมายอมรับว่า เมื่อเวลาประมาณ 19.19 น. ลูกศิษย์ของพระมหายอดเพชรได้โทร.มาขออนุญาตนำท่านมาสึกที่วัดถ้ำม่วง ด้วยเหตุผลว่าเงียบสงบ ไม่มีผู้คนวุ่นวาย ซึ่งตนก็ตอบรับด้วยความเมตตา ถึงแม้ท่านจะมีตำแหน่งเป็นเปรียญ 9 ส่วนอาตมาเป็นแค่พระครูชั้นเอก แต่เรื่องสึกก็สงเคราะห์กันได้ ไม่มีปัญหา
พระครูสุภาจารประสิทธิ์กล่าวอีกว่า เมื่อถึงวัดช่วงเกือบ 20.00 น. พระมหายอดเพชรมีสีหน้ากังวล น้ำตาคลอ และเอ่ยประโยคว่า ผมพลาดไปแล้วหลายครั้งระหว่างทำพิธีลาสิกขา โดยมีลูกศิษย์รวม 3 คนเดินทางมาด้วย หนึ่งในนั้นคือ เอิร์ธ ธนากร ลูกศิษย์ใกล้ชิดของพระครูฯ ซึ่งเป็นผู้ประสานให้อดีตพระมหายอดเพชรมาสึกที่วัดถ้ำม่วง ทั้งนี้ ภายหลังเสร็จพิธี พระมหายอดเพชรเดิมตั้งใจจะพักค้างคืน แต่เปลี่ยนใจขอกลับทันที เนื่องจากเกรงจะมีผู้คนหรือนักข่าวมารบกวน
พระครูสุภาจารประสิทธิ์เล่าด้วยว่า เมื่อ 5 ปีก่อน สีกากอล์ฟเคยเดินทางมาที่วัดแห่งนี้เช่นกัน โดยขับรถเบนซ์มาพร้อมแฟนหนุ่ม ซึ่งเป็นเพื่อนของเอิร์ธ ธนากร ตอนนั้นยังไม่มีใครรู้จักชื่อเสียงของเขา ส่วนตัวอาตมาไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว มาทราบภายหลังเมื่อเกิดข่าวเรื่องท่านมหาฯ กับสีกากอล์ฟ ถึงได้รู้ว่าเธอเคยมาที่วัดนี้
พระครูสุภาจารประสิทธิ์ยังกล่าวในตอนท้ายว่า ตนซึ่งอยู่ในวัดต่างจังหวัดอดกังวลไม่ได้กับกระแสข่าวในช่วงนี้ โดยเฉพาะเรื่องสีกากอล์ฟและวงการพระสงฆ์ เพราะเกรงว่าญาติโยมจะรู้สึกผิดหวังจนเลิกศรัทธาในพระพุทธศาสนา.