เปิดโปงขบวนการ “สวมบัตรเถื่อน” ฟอกตัวเป็นคนไทย
บัตรประชาชนไทย เอกสารแสดงตัวตนที่ไม่เพียงใช้ยืนยัน ‘ความเป็นคนไทย’ แต่กลายเป็นเป้าหมายของขบวนการฟอกตัว ให้ชาวต่างชาติแปลงร่างเป็น ‘พลเมืองไทย’ อย่างแนบเนียน”
วันนี้ตำรวจสอบสวนกลาง นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แถลงผลเปิดปฏิบัติการ “ทลายขบวนการสวมบัตรเถื่อน ฟอกตัวเป็นไทย โดยนำกำลังบุกค้น 10 จุดทั่วประเทศ จับกุม 9 ผู้ต้องหา พร้อมขยายผลไล่ล่าตัวการใหญ่อีก 3 ราย
“ปฏิบัติการครั้งนี้เริ่มจากเบาะแสบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของจีน “เสี่ยวหงซู” (XHS) ที่ปรากฏข้อความเชิญชวน “รับทำบัตรประชาชนไทย” พร้อมรูปตัวอย่างบัตรจริง เป็นจุดเริ่มต้นที่นำไปสู่การสืบสวนของตำรวจกองปราบปราม
เมื่อตรวจสอบลึกลงไป เจ้าหน้าที่พบชื่อและรูปในบัตรคือตัวตนของ “นายสมบูรณ์ วรรณสารคีรี” ก่อนจะพบความผิดปกติว่าเจ้าของชื่อในบัตรคือผู้เสียชีวิตไปแล้ว ขณะที่ใบหน้ากลับเป็นของชายชาวเมียนมา ชื่อนายจา ตอ ซึ่งเดินทางเข้ามาในไทยเพื่อสวมตัวตนดังกล่าว
จากคำให้การและหลักฐานที่ได้ ตำรวจพบรูปแบบการดำเนินการของขบวนการนี้อย่างเป็นระบบ โดยขบวนการนี้จะตามหาครอบครัวที่เคยแจ้งเกิดแต่ยังไม่แจ้งตายของผู้เสียชีวิต แล้วเสนอค่าตอบแทนเป็นเงินสดก้อนใหญ่เพื่อใช้ชื่อคนตายทำบัตรประชาชนใหม่ โดยจะย้ายชื่อเข้าทะเบียนบ้านในพื้นที่ที่กลุ่มเตรียมไว้
จากนั้นจะพาลูกค้าชาวต่างชาติไปทำบัตร พร้อมจัดหาคนในครอบครัวผู้ตายหรือบุคคลใกล้ชิดมาให้การรับรองอ้างว่าเป็นญาติ ก่อนยื่นเอกสารเท็จจนได้บัตรประชาชนจริงที่ใช้สิทธิได้ทุกประการ โดยลูกค้าสามารถนำไปใช้สมัครงาน เปิดบัญชีธนาคาร หรือแม้กระทั่งซื้อทรัพย์สินได้ในฐานะคนไทย
จากการสืบสวน ตำรวจรวบรวมหลักฐานขอหมายจับผู้ต้องหาทั้งหมด 12 ราย ก่อนบุกค้น 10 จุดทั่วประเทศ ทั้งในกรุงเทพฯ ปทุมธานี อุตรดิตถ์ แม่ฮ่องสอน ตาก สมุทรปราการ และภูเก็ต จนสามารถจับกุมได้แล้ว 9 ราย
ด้าน พ.ต.ต.อดิศร อินทิยศ กล่าวว่าขบวนการนี้รับค่าจ้างต่อลูกค้าหนึ่งรายระหว่าง 300,000 – 1,000,000 บาท ขึ้นอยู่กับความยากง่าย ขณะที่ครอบครัวเจ้าของชื่อคนตายหรือผู้ให้การรับรองจะได้ 80,000 – 100,000 บาท ต่อราย ลูกค้าหลักคือชาวเมียนมา ชาวเขา และชาวจีนที่ต้องการใช้สถานะคนไทยเพื่อดำเนินธุรกิจ เปิดบัญชี หรือขอลงทะเบียนต่าง ๆ ซึ่งอาจมีปลายทางไปสู่กิจกรรม “ธุรกิจสีเทา” อันสุ่มเสี่ยงกระทบความมั่นคงของชาติ
ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ยืนยันว่าจะไม่หยุดแค่ผู้ต้องหาชุดแรก แต่จะขยายผลลึกไปถึง “นายทุนชาวจีน” ที่ทำหน้าที่โปรโมตและหาลูกค้า รวมถึงตรวจสอบเครือข่ายที่อาจเชื่อมโยงกับเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่ที่ออกบัตร โดยเป้าหมายต่อไปคือขบวนการอื่นที่อาจดำเนินการในลักษณะคล้ายกัน รวมถึงตรวจสอบว่าบัตรเหล่านี้ถูกใช้ในการทำธุรกิจสีเทา หรือสร้างอิทธิพลในพื้นที่ใดหรือไม่
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook: https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews