อังคณา ชี้ ถกGBC โอกาสดี 2 ฝ่ายแก้ปัญหา-ขอกัมพูชาจริงใจ ทำตามสัญญา หวังจบบนโต๊ะเจรจา
อังคณา ชี้ ถกGBC โอกาสดี 2 ฝ่ายแก้ปัญหา ถามหาความจริงใจ กัมพูชา ให้ทำตามสัญญา หวังจบบนโต๊ะเจรจา จี้ รมว.กต. เคลื่อนไหวเร็วขึ้น เปิดโอกาส ให้ OHCHR-ICRC เยี่ยม 20 ทหารในไทย
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 4 สิงหาคม ที่รัฐสภา นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในฐานะอดีตประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิ เสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) เรื่องปัญหาชายแดนวันนี้ ว่า ถือเป็นโอกาสดีที่ทั้งสองฝ่ายได้เผชิญหน้าและแก้ปัญหาร่วมกัน แต่ในความเป็นคู่ขัดแย้งแม้มีสัญญาให้หยุดยิง แต่ก็อาจมีการก่อเหตุการรุนแรงขึ้นได้อยู่ ซึ่งในส่วนของไทยได้ปฏิบัติตามหลักการระหว่างประเทศซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายกย่อง และเป็นความชอบธรรมของไทยในการต่อรองในส่วนของกัมพูชาเราก็เรียกร้องให้ปฏิบัติตามข้อตกลงเช่นกัน
นางอังคณา กล่าวว่า การประชุมในวันนี้ควรจะมีการแลกเปลี่ยนและแก้ปัญหาร่วมกันว่าอะไรบ้างที่ยังเป็นอุปสรรค ตอนนี้สิ่งสำคัญที่ควรแก้ไขคือการใช้โซเชียลมีเดียของอินฟลูเอนเซอร์ต่างๆ รวมถึงข่าวปลอมที่ออกมาเยอะ เราไม่สามารถพิสูจน์ได้เลยว่าเกิดจากฝ่ายไหน และคนที่เสพสื่อส่วนใหญ่ก็พร้อมที่จะเชื่อ ตรงนี้ถือว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่จะเป็นการยั่วยุและอาจเป็นการแทรกแซงการหารือกันอย่างสร้างสรรค์
เมื่อถามว่า แม้กัมพูชาจะร่วมโต๊ะเจรจาแต่เหมือนมีนัยยะบางอย่างที่ไม่จริงใจกับไทยนั้น นางอังคณา กล่าวว่า กัมพูชาเป็นประเทศที่ผ่านการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มาแล้ว ผ่านเหตุการณ์ความรุนแรงมาเยอะมาก สิ่งหนึ่งที่เราเจอคือการนำแทคติกต่างๆ มาใช้ที่ทุกฝ่ายเห็นกันอยู่ และเชื่อว่าฝ่ายไทยคงจะต้องหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาหารือ บนโต๊ะเจรจาเช่นกัน เช่น เมื่อรับปากว่าหยุดยิงแต่ทำไมไม่หยุด หรือยังมีระเบิดที่ตกอยู่กลางถนน ดังนั้น กัมพูชาจำเป็นที่จะต้องยอมรับข้อตกลงบนพื้นที่เจรจาเพราะมีสักขีพยาน อย่างมาเลเซียที่เสนอตัวเป็นคนกลาง ให้ไทยกับกัมพูชาได้พูดคุยกันแต่สิ่งสำคัญคือเรื่องความจริงใจ
“ในฐานะประเทศเพื่อนบ้านทั้งไทยและกัมพูชายังไงก็ย้ายประเทศหนีกันไม่ได้ ยังไงก็ต้องอยู่ด้วยกันตรงนี้ การแก้ปัญหาร่วมกันจึงเป็นเรื่องสำคัญ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือชีวิตของประชาชนของทั้งสองฝ่าย ซึ่งจะต้องได้รับความเคารพ” นางอังคณากล่าว
เมื่อถามถึง กรณีที่กัมพูชาไม่ได้จัดการกับศพของทหารของตัวเองสะท้อนปัญหาอะไรบ้าง นางอังคณา กล่าวว่า ทางกัมพูชาได้ให้สัญญาสัตยาบัน อนุสัญญาการบังคับสูญหาย ดังนั้นกรณีทหารที่เสียชีวิตและไม่ได้พิสูจน์ทราบว่าเป็นใครและบอกญาติไม่ได้เลยว่าคนเหล่านี้หายไปไหนหรือเสียชีวิตที่ไหน ตรงนี้ถือเป็นการละเมิดอนุสัญญา ซึ่งกัมพูชาต้องตระหนักถึงเรื่องนี้ เพราะวันนี้ถ้าญาติยังไม่รู้ว่าทหารได้เสียชีวิตไปแล้วญาติก็จะคิดว่าเขาคือผู้สูญหาย ซึ่งจะขัดต่ออนุสัญญา
นางอังคณา กล่าวต่อว่า ในส่วนของทางการไทยคงจะเข้าไปช่วยในการเก็บศพไม่ได้ เนื่องจากไม่ใช่พื้นที่ของไทย ดังนั้น กัมพูชาต้องมีความรับผิดชอบต่อพลเมืองของตนเอง เพราะกัมพูชาหลังศึกสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ได้ลงนามอนุสัญญาระหว่างประเทศเยอะมาก แต่ปัญหาคือไม่มีการปฏิบัติตาม ข้อกฎหมายหรืออนุสัญญาระหว่างประเทศที่ตนเองเป็นทวิภาคีดังนั้นเรื่องนี้เป็นสิ่งที่น่ากังวล ฉะนั้น จึงขอเรียกร้องรัฐบาลกัมพูชาว่าควรที่จะให้เกียรติกับคนที่เสียชีวิต ถึงแม้จะเป็นทหารฉันผู้น้อยการเคารพศพคืนศพให้กับญาติ มีความสำคัญมากที่รัฐบาลกัมพูชาควรจะรีบเร่งดำเนินการ
เมื่อถามว่า การที่ไม่ได้ดำเนินการกับศพเป็นยุทธศาสตร์ของทางกัมพูชาหรือไม่ นางอังคณา กล่าวว่า ทางการไทยได้ถ่ายภาพทหารที่เสียชีวิตแล้ว และพื้นที่ตรงนั้นไทยไม่สามารถก้าวล่วงไปได้ และไม่รู้ว่าจะมีการฝังกับระเบิดอะไรไว้อีกหรือไม่ แต่เรามีภาพถ่ายยืนยัน กัมพูชาจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามควรที่จะพิสูจน์ว่าพื้นที่ตรงนั้นมีศพทหารกัมพูชาอยู่จริงหรือไม่ พร้อมฝากไปถึงประชาชนกัมพูชาโดยเฉพาะครอบครัวของทหารให้มีการเรียกร้องกับกองทัพกัมพูชาและรัฐบาลกัมพูชาในการตรวจสอบเรื่องนี้
เมื่อถามว่า การสื่อสารของไทยยังตามหลังกัมพูชาอยู่หรือไม่ นางอังคณา กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าการเริ่มต้นความขัดแย้งและการใช้ความรุนแรงต่อกัน ไทยช้ามากในการสื่อสารไปยังประชาคมโลก แต่จากการแถลงของกระทรวงการต่างประเทศเมื่อ 2 วันที่ผ่านมาก็ถือว่ามีความก้าวหน้า ทันต่อเหตุการณ์ เช่น กรณีที่กรรมการสิทธิมนุษยชนของกัมพูชาประณามไทย ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงข้อเท็จจริงไปแล้วว่าไม่ได้ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง
นางอังคณา กล่าวต่อว่า อีกทั้ง คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนของกัมพูชา ไม่ได้เป็นสถาบันสิทธิมนุษยชนระดับชาติ ซึ่งรัฐบาลกัมพูชาเป็นคนตั้งเองไม่ได้เป็นอิสระเหมือนของไทย ซึ่งประเทศไทยได้ออกแถลงการณ์เปิดโอกาสเชิญทางสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) และผู้แทนกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC)เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยให้เข้าไปเยี่ยมทหารกัมพูชาที่ถูกควบคุมตัวทั้ง 20 นาย โดยการเปิดโอกาสให้เข้าไปเยี่ยมเป็นการสร้างหลักประกัน ให้ทหารทั้ง 20 นายที่ถูกควบคุมตัว จะได้รับการปฏิบัติตามหลักมาตรฐานสากลและจะไม่มีการละเมิด สิทธิมนุษยชน นี่ถือเป็นการตอบสนองที่ทันท่วงทีของกระทรวงการต่างประเทศ ถึงแม้ที่ผ่านมาช่วงแรกจะดูช้ามาก
เมื่อถามว่า ปัญหาไทยกัมพูชาคาดว่าจะไม่จบลงโดยง่ายหรือไม่ เพราะอาจมีประเทศมหาอำนาจเข้ามาเกี่ยวข้อง นางอังคณา กล่าวว่า เท่าที่สังเกตการณ์จีนหรือสหรัฐอเมริกา ไม่ได้ยืนอยู่ข้างใดข้างหนึ่ง เนื่องจากประเทศมหาอำนาจเหล่านี้ก็มีผลประโยชน์ทั้งในกัมพูชาและไทยด้วย แต่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องจับตา
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : อังคณา ชี้ ถกGBC โอกาสดี 2 ฝ่ายแก้ปัญหา-ขอกัมพูชาจริงใจ ทำตามสัญญา หวังจบบนโต๊ะเจรจา
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th