SALA BRAN บ่ออบเอนไซม์รำข้าวธรรมชาติ 100% ศาสตร์เพื่อการดูแลสุขภาพจากญี่ปุ่น

หากกำลังมองหาวิธีรีเฟรชร่างกายแต่มีเวลาไม่มาก ลองแวะมาที่ SALA BRAN สปาเอนไซม์จากรำข้าวธรรมชาติ 100% ในซอยเอกมัย เหมาะสำหรับคนเมืองที่ต้องการพักผ่อนอย่างรวดเร็วแต่ได้ผลลัพธ์เกินคาด ด้วยการอบสปาเพียง 20 นาที ก็ได้ความผ่อนคลาย สดชื่น และการฟื้นฟูจากภายในสู่ภายนอก

คุณคุมิ ยูกิ และคุณมิกิโอะ นูมาดาเตะ สองสามีภรรยาชาวญี่ปุ่น นำแรงบันดาลใจจากสปาเอนไซม์รำข้าว (Rice Bran Enzyme Bath) ที่เมืองมิกิ จังหวัดเฮียวโงะ มาสู่กรุงเทพฯ เพราะเชื่อมั่นในพลังธรรมชาติที่ช่วยฟื้นฟูร่างกายอย่างแท้จริง จุดเด่นของสปาแห่งนี้คือการใช้รำข้าวหมักด้วยจุลินทรีย์ดีตามธรรมชาติ ซึ่งสามารถสร้างความร้อนในตัวเองได้สูงถึง 54-64 องศาเซลเซียส อันเกิดจากพลังงานความร้อนภายในที่มาจากการเคลื่อนไหวและสั่นสะเทือนของจุลินทรีย์เหล่านี้ โดยไม่ต้องพึ่งระบบไฟฟ้าแม้แต่นิดเดียว

กระบวนการหมักบ่มรำข้าวนี้ได้รับการถ่ายทอดจากมาสเตอร์ทาเคอุจิ ผู้เชี่ยวชาญต้นตำรับจากญี่ปุ่น โดยใช้หัวเชื้อเอนไซม์รุ่นแรกจากเมืองมิกิที่มีชื่อเสียง ทำให้รำข้าวเปลี่ยนสีจากอ่อนเป็นสีเข้มดำ กลิ่นหอมของเอนไซม์รำข้าวยังมีเอกลักษณ์เฉพาะคล้ายโยเกิร์ตหรือโกโก้ บางครั้งคล้ายกลิ่นขนมปังอบใหม่ กลิ่นหอมอ่อนๆ นี้ยังสะท้อนถึงความสดใหม่ของเอนไซม์ที่ถูกหมักด้วยความใส่ใจทุกขั้นตอน

คุณคุมิบอกว่าการอบเอนไซม์รำข้าวไม่ใช่การรักษาโรค แต่เป็นการบำบัดแบบองค์รวมที่ช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูตัวเองจากภายใน ระหว่างการอบอุณหภูมิร่างกายจะค่อยๆ เพิ่มขึ้น ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันและกระตุ้นจุลินทรีย์ดีๆ ในร่างกายให้ทำงานอย่างเต็มที่ เพิ่มประสิทธิภาพระบบไหลเวียนโลหิต ให้ความรู้สึกอบอุ่นถึงภายใน แตกต่างจากการอบไอร้อนหรือแช่น้ำร้อนโดยทั่วไปที่มักให้ความร้อนแค่ผิวหนังภายนอกเท่านั้น หลังการอบเพียง 10 นาที สารพิษที่สะสมมานานจะถูกขับผ่านทางเหงื่อทั่วร่างกาย ช่วยให้ระบบต่างๆ ทำงานได้ดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ สำหรับสาวๆ จะยิ่งถูกใจเพราะช่วยให้ผิวนุ่ม สุขภาพดี แลดูอ่อนกว่าวัย

ลูกค้าที่ต้องการใช้บริการคุณคุมิแนะนำว่าควรจองล่วงหน้าเนื่องจากมีพื้นที่จำกัด ให้บริการพร้อมกันได้ไม่เกิน 4 ท่าน เพื่อความเป็นส่วนตัวมากที่สุด เมื่อมาถึงพนักงานจะแนะนำและอธิบายถึงขั้นตอนต่างๆ ก่อนจะให้ลงไปแช่ในบ่อเอนไซม์ที่เตรียมไว้ เมื่อลูกค้าลงไปนอนจะทำการเกลี่ยเอนไซม์รำข้าวให้ปกคลุมทั่วร่างกาย เว้นไว้เฉพาะใบหน้า โดยจะมีพนักงานคอยซับเหงื่อและแจ้งเวลาทุก 5 นาที ตลอดช่วงเวลา 20 นาทีที่คุณแช่ในบ่อ

ความพิเศษของบ่อเอนไซม์แห่งนี้คือมีความลึกถึง 1.5 เมตร กว้าง 8 เมตร ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ ใครที่แอบกังวลเรื่องสุขอนามัย คุณคุมิเพิ่มความมั่นใจว่าด้วยอุณหภูมิกว่า 60 องศาเซลเซียส ความร้อนจะช่วยฆ่าและย่อยสลายเชื้อโรค จึงไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ถูกสุขอนามัย ทางสปายังให้ความสำคัญกับการรักษาความบริสุทธิ์ของบ่อด้วยถ่านโมเลกุลรูพรุนที่ช่วยกำจัดกลิ่นและคงสภาพแบคทีเรียชนิดแอโรบิก (Aerobic Bacteria) ให้สมดุลและมีความเสถียร อีกทั้งยังใส่รำข้าวหมักใหม่ทุก 2-3 วัน เพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุดของสปา ส่วนรำข้าวที่ใช้แล้วก็จะถูกนำไปทำเป็นปุ๋ยต่อไป

การอบแต่ละครั้งส่วนใหญ่จะใช้เวลา 20 นาที โดยที่ร่างกายจะปรับอุณหภูมิให้สูงขึ้นอย่างช้าๆ ลูกค้าจะรู้สึกผ่อนคลายในบรรยากาศที่เงียบสงบ หลังอบเสร็จลองสังเกตตามผิวหนัง หากมีรำข้าวติดอยู่ นั่นคือสัญญาณที่ดี เพราะหมายถึงบริเวณนั้นมีการขับเหงื่อและของเสียออกได้ตามปกติ แต่หากไม่มีรำข้าวเกาะที่ผิวหนังเลย นั่นอาจบ่งบอกว่าร่างกายบริเวณนั้นมีปัญหาในการระบายความร้อนหรือระบบไหลเวียนอาจไม่สมดุล

ขั้นตอนต่อไปพนักงานจะพาคุณไปอาบน้ำในสปาซึ่งน้ำที่ใช้เป็นเทคโนโลยีเครื่องกระตุ้นน้ำ “Mana Water” ที่เพิ่มแรงดันและชาร์จพลังไฟฟ้าสถิตในโมเลกุลน้ำ เพื่อให้ใกล้เคียงกับน้ำธรรมชาติ ช่วยสลายสารอันตราย รวมถึงใช้ชำระร่างกายได้อย่างสดชื่น หลังอบเอนไซม์คุณจะรู้สึกผ่อนคลาย เบาสบาย ผิวพรรณเนียนนุ่มเหมือนได้รับการฟื้นฟูใหม่ทั้งหมด เป็นประสบการณ์ที่ไม่ใช่แค่การพักผ่อน แต่เหมือนการรีเซ็ตตัวเองให้กลับมาสดชื่นอีกครั้ง

ที่นี่ยังมีคาเฟ่ที่เน้นเสิร์ฟอาหารหมักดองที่ดีต่อสุขภาพ โดยเฉพาะ “ข้าวหมัก” หรือ “อามาซาเกะ” ที่ทางร้านหมักเองตามวิถีญี่ปุ่น ข้าวหมักนี้มีรสหวานธรรมชาติ ไม่ต้องพึ่งน้ำตาล และยังนำมาต่อยอดในหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นซุปมิโซะ ชิโอะโคจิ หรือโชยุโคจิ เพื่อเพิ่มรสชาติกลมกล่อมและประโยชน์ต่อสุขภาพในทุกคำที่ลิ้มลอง

ใช้เวลาไม่มากก็ได้รีเฟรชร่างกายใหม่แล้ว ข้อมูล

• ที่อยู่ : ซอยเจริญมิตร ถนนสุขุมวิท 63 แขวงพระโขนงเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
• โทร : 0-2044-3769ขอบคุณนางแบบ : ภรัณยา ลาภอุดมสกุล (ทับทิม)