“อินเดีย” ยังไร้ท่าทีชัดเจน หลัง “ทรัมป์” ขู่ลงโทษเหตุนำเข้าน้ำมันรัสเซีย
"อินเดีย" ยังไร้ท่าทีชัดเจน หลัง "ทรัมป์" ประกาศจะเก็บภาษีนำเข้า 25% และขู่ลงโทษอินเดียที่ยังคงซื้อน้ำมันจากรัสเซีย ขณะนักวิเคราะห์เชื่ออินเดียยังยึดมั่นในผลประโยชน์ด้านพลังงาน
วันที่ 4 สิงหาคม 2568 เวลา 15.55 น. สำนักข่าว CNBC รายงานว่า อินเดียกำลังดำเนินนโยบายที่ต้องประคับประคองอย่างระมัดระวัง หลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ขู่ว่าจะลงโทษอินเดียที่ยังคงนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ซึ่งเป็นการค้าระหว่างประเทศที่รัฐบาลนิวเดลีดูเหมือนจะยังไม่รีบยุติในเร็ววัน
แม้ว่าทรัมป์จะให้สัมภาษณ์กับสื่อเมื่อวันศุกร์ว่า เขาได้ยินมาว่าอินเดียจะหยุดการซื้อน้ำมันจากรัสเซีย แต่เจ้าหน้าที่ในอินเดลียยังไม่แสดงความชัดเจนใด ๆ โดย โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ รันทีร์ ไจสวาล ระบุว่า ประเทศจะตัดสินใจแหล่งนำเข้าน้ำมัน โดยพิจารณาจากราคาน้ำมันในตลาดโลก และสถานการณ์ทั่วโลก ณ ขณะนั้น
บ็อบ แมคนัลลี ประธานบริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงาน Rapidan Energy Group ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่า “อินเดียอาจกำลังสับสนต่อท่าทีของรัฐบาลสหรัฐภายใต้ทรัมป์ ซึ่งกลับลำจากแนวทางที่อดทนอดกลั้นมากกว่าสมัยรัฐบาลไบเดน"
ในเดือนมีนาคม 2565 หนึ่งเดือนหลังจากรัสเซียรุกรานยูเครน เดลีป ซิงห์ อดีตรองที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศของสหรัฐ ภายใต้รัฐบาลไบเดน เคยกล่าวว่า “มิตรประเทศไม่ควรวางเส้นแดงต่อกัน และในขณะนั้นยังไม่มีข้อห้ามในการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย …สิ่งที่เราไม่ต้องการเห็นคือการเร่งเพิ่มการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียของอินเดีย ทั้งในด้านพลังงานหรือสินค้าอื่น ๆ ที่ถูกคว่ำบาตรโดยเรา หรือโดยระบอบคว่ำบาตรของนานาชาติ”
เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม ทรัมป์ประกาศว่าอินเดียจะต้องเผชิญภาษีนำเข้าที่ 25% เริ่มตั้งแต่ 1 สิงหาคม พร้อมขู่จะมีบทลงโทษเพิ่มเติมต่อการซื้อน้ำมันและยุทโธปกรณ์ทางทหารจากรัสเซีย
อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์ชี้ว่าอินเดียซึ่งเป็นประเทศผู้บริโภคพลังงานอันดับ 3 ของโลก ดูเหมือนจะไม่สะทกสะท้าน สำนักข่าว Reuters รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวในรัฐบาลอินเดียว่ายังไม่มีแผนเปลี่ยนแปลงสัญญาระยะยาวกับผู้ส่งออกรัสเซียในทันที
ทั้งนี้รัสเซียกลายเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของอินเดียหลังเกิดสงคราม โดยส่งออกเพิ่มจากไม่ถึง 100,000 บาร์เรลต่อวันก่อนการรุกรานยูเครน หรือคิดเป็น 2.5% ของการนำเข้าทั้งหมด เป็นมากกว่า 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2566 หรือคิดเป็น 39% ข้อมูลจากสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ระบุว่า ราว 70% ของน้ำมันดิบที่ส่งออกรัสเซียในปี 2567 ถูกส่งไปยังอินเดีย
ฮาร์ดีป ซิงห์ ปูรี รัฐมนตรีพลังงานของอินเดีย ปกป้องจุดยืนของรัฐบาลในการสัมภาษณ์กับ CNBC เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม โดยกล่าวว่าอินเดียช่วยรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมันโลก และในช่วงนั้นยังได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐเอง
“หากในเวลานั้นทุกคนหยุดซื้อ ราคาน้ำมันอาจพุ่งขึ้นถึง 130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สถานการณ์ในขณะนั้นเรายังได้รับคำแนะนำ รวมถึงจากมิตรประเทศของเราในสหรัฐ ให้ซื้อน้ำมันจากรัสเซีย แต่ต้องอยู่ในกรอบราคาสูงสุด”
ราคาสูงสุดของน้ำมันดิบรัสเซียถูกกำหนดไว้ที่ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลโดยกลุ่มประเทศ G7 ในเดือนธันวาคม 2565 ส่วนสหภาพยุโรปลดเพดานราคาลงอีกในเดือนกรกฎาคมอยู่ที่ประมาณ 47 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
อย่างไรก็ตามแรงกดดันกำลังทวีความรุนแรง วิษณุ วราธาน กรรมการผู้จัดการของ Mizuho Securities กล่าวว่า คำขู่จากสหรัฐฯ ถือเป็นอันตรายที่ชัดเจนและใกล้ตัวสำหรับอินเดีย เขาเชื่อว่าอินเดียจะยังไม่แสดงท่าทีแน่ชัดในเรื่องการซื้อน้ำมันจนกว่าจะประเมินข้อแลกเปลี่ยนของตัวเลือกจากรัสเซียได้ครบถ้วน
วิษณุยังกล่าวว่า อินเดียอาจต้องมองหาน้ำมันราคาถูกจากประเทศอื่น ๆ ในตลาดโลกเพื่อทดแทนหากสหรัฐฯ เดินหน้ากดดันอย่างจริงจัง โดยอาจรวมถึงอิหร่าน หากสามารถเจรจาข้อยกเว้นกับสหรัฐได้ รวมถึงประเทศผู้ผลิตรายอื่นทั้งในและนอกกลุ่ม OPEC+
ทั้งนี้กลุ่ม OPEC+ ได้ตกลงเมื่อวันอาทิตย์ว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตอีก 547,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนกันยายน ท่ามกลางความกังวลว่าการส่งออกจากรัสเซียอาจหยุดชะงัก
อ้างอิง : www.cnbc.com