Ads ประเทศไทย รั้งอันดับ 3 สื่อดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
การมองเห็นโฆษณาในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกถือเป็นปัญหาที่สำคัญที่สุดของอุตสาหกรรมโฆษณา เนื่องจากอัตราการมองเห็นจริงในภูมิภาคนี้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลก (70%) อยู่ที่เพียง 61% ซึ่งสะท้อนถึงปัญหาในการแสดงโฆษณาให้ถึงผู้บริโภคอย่างแท้จริงและปัญหาของการปิดการแสดงโฆษณาในบางแพลตฟอร์มอย่าง CTV (Connected TV)
อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยกลับมีอัตราการมองเห็นโฆษณาในประเทศเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับปีก่อน ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีอัตราการมองเห็นโฆษณาสูงเป็นอันดับ 3 ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเข้าถึงผู้บริโภคที่สูงขึ้น
รายงานจาก DoubleVerify (DV) แพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ชั้นนำที่ตรวจสอบคุณภาพสื่อและประสิทธิภาพโฆษณา ระบุว่า แนวโน้มสำคัญและการพัฒนาในอุตสาหกรรมโฆษณาในช่วงปีที่ผ่านมา จากการวิเคราะห์ข้อมูลจากโฆษณากว่า 1 ล้านล้านครั้ง บนคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป, อุปกรณ์มือถือ, และโทรทัศน์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต (CTV) รวมทั้งข้อมูลจากนักการตลาดและผู้บริโภคทั่วโลก
จะเห็นว่าคุณภาพสื่อมีการพัฒนาที่ดีขึ้น มีการลดลงของอัตราการละเมิดความเหมาะสมต่อแบรนด์และการฉ้อโกง ขณะที่อัตราการมองเห็นโฆษณาได้ปรับตัวดีขึ้นในหลายภูมิภาค แม้ว่าอัตราการมองเห็นในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะยังคงอยู่ในระดับต่ำที่สุดในโลกที่ 61% แต่ประเทศไทยมีการพัฒนาที่ชัดเจน โดยเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ 76% ซึ่งถือเป็นอันดับ 3 ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
รายงานยังระบุว่า ประเทศไทยยังคงรักษาระดับความเสี่ยงจากการฉ้อโกงและการเกิดทราฟฟิกโฆษณาปลอม (SIVT) ไว้ในระดับต่ำ โดยมีอัตราการฉ้อโกงที่เพียง 0.4% ซึ่งถือเป็นอันดับ 3 ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และยังคงรักษาความโปร่งใสในการตรวจสอบสื่อโฆษณา ทำให้นักโฆษณาสามารถลงทุนในสื่อได้อย่างมั่นใจ
ในด้านตัวชี้วัดความสนใจโฆษณา (Attention Index) ประเทศไทยยังคงมีค่าดัชนีความสนใจสูงที่ 115 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ 114 และสูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกที่ 100 ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภคในประเทศไทยที่มีความสูงกว่าหลายประเทศในภูมิภาค
นายคอนราด ทัลลาริตี้ กรรมการผู้จัดการของ DoubleVerify ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า การบริโภคเนื้อหาออนไลน์ในประเทศไทยเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้มีโอกาสและความท้าทายใหม่ๆ สำหรับนักโฆษณา การพัฒนาและการวางกลยุทธ์ที่เหมาะสมในแต่ละแพลตฟอร์มจึงมีความสำคัญในการรักษาประสิทธิภาพและการปกป้องแบรนด์ โดยข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์จะช่วยให้แบรนด์สามารถปรับกลยุทธ์และได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจากการลงทุนในสื่อดิจิทัล
การศึกษานี้ยังชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยนักการตลาดในภูมิภาคเริ่มหันมาลงทุนในช่องทางใหม่ๆ เช่น เครือข่ายโฆษณาในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ โดย 20% ของนักการตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดียวางแผนที่จะเพิ่มการลงทุนในช่องทางเหล่านี้ ในขณะที่การใช้โซเชียลมีเดียในการโฆษณาก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้นโดยเฉพาะในฟีด (Feed) และรีล (Reels) ที่แสดงผลดีกว่าแคมเปญทั่วไปอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในแนวโน้มการตลาดที่มุ่งเน้นการโฆษณาที่ขับเคลื่อนด้วยผลลัพธ์
ไม่เพียงแต่การพัฒนาของอุตสาหกรรมโฆษณาที่มีความสำคัญ แต่ยังมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญจากมุมมองของผู้บริโภค โดยในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ผู้บริโภคใช้เวลามากกว่า 3.5 ชั่วโมงต่อวันกับเนื้อหาทางออนไลน์ และส่วนใหญ่จะใช้เวลาไปกับโซเชียลมีเดีย แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็เริ่มมีความเบื่อหน่ายกับโฆษณามากขึ้น โดยมีการใช้ตัวบล็อกโฆษณากว่า 46% และเกือบครึ่งหนึ่งระบุว่าจะไม่ซื้อสินค้าจากแบรนด์ที่มีโฆษณาติดกับเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมหรือเป็นเท็จ
การศึกษานี้จึงเน้นย้ำถึงความสำคัญในการกำหนดกลยุทธ์ที่คำนึงถึงความเหมาะสมต่อแบรนด์และการคัดกรองบริบทของเนื้อหาโฆษณาอย่างรอบคอบ เพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้บริโภคและป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากโฆษณาที่ไม่เหมาะสม