“แผ่นดินเขมรเป็น 4 ภาค” พระราชนิพนธ์ ร.4 ทรงแบ่งกัมพูชาส่วนไหนเป็นของไทยบ้าง?
“แผ่นดินเขมรเป็น 4 ภาค” พระราชนิพนธ์ ร.4 ทรงแบ่งกัมพูชาส่วนไหนเป็นของไทยบ้าง?
รัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) อุษาคเนย์ต้องเผชิญหน้ากับชาติตะวันตกมากขึ้น อย่าง พม่า ที่หลังจากอังกฤษได้อินเดียเป็นอาณานิคมแล้วก็มุ่งสู่พม่า จนเกิดสงครามอังกฤษ-พม่า กันมาแล้ว หรือ กัมพูชา ที่ฝรั่งเศสพยายามเข้าไปมีบทบาท แม้ว่าเวลานั้นกัมพูชามีสถานะเป็นประเทศราชของสยามอยู่แล้วก็ตาม
ความสัมพันธ์กัมพูชา-ฝรั่งเศส ขยับไปอีกขั้น เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2406 สมเด็จพระนโรดมพรหมบริรักษ์ แห่งกรุงกัมพูชา ทรงลงพระนามในสนธิสัญญากับฝรั่งเศส ซึ่งตามมาตรา 1 ของสนธิสัญญาฉบับดังกล่าว สมเด็จพระจักรพรรดิกรุงฝรั่งเศสรับที่จะอารักขากัมพูชา ซึ่งหมายถึงกัมพูชายอมอยู่ใต้อำนาจฝรั่งเศส
รัชกาลที่ 4 ทรงทราบความสัมพันธ์ระหว่างกัมพูชา-ฝรั่งเศส จึงทรงทำสัญญาลับกับกัมพูชา เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ปีเดียวกัน เพื่อยืนยันสิทธิของสยามเหนือกัมพูชา ทั้งอีกเกือบ 2 ปีถัดมา พระองค์ยังทรงส่งพระราชสาสน์ไปยังฝรั่งเศสด้วย
ความสัมพันธ์ 3 ชาติ สยาม-กัมพูชา-ฝรั่งเศส ในช่วงนั้น ปรากฏในบทความวิจัยเรื่อง “ประวัติและพัฒนาการของความสัมพันธ์กัมพูชา-ไทย ค.ศ. 1907-2006” โดย ผศ. ดร. ธิบดี บัวคำศรี ผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์การเมืองกัมพูชา ตอนหนึ่งว่า
ในพระราชสาสน์ลงวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2408 ซึ่งรัชกาลที่ 4 ทรงมีไปยังสมเด็จพระเจ้านโปเลียนที่ 3 แห่งฝรั่งเศส ระบุว่า รัชกาลที่ 4 ทรงเป็น “พระเจ้ากรุงรัตนโกสินทรมหินทรายุทธยา เป็นมหาราชธานีใหญ่ในพระราชอาณาจักรฝ่ายสยาม คือแผ่นดินสยามเหนือใต้และดินแดนต่างๆ อยู่เคียงอยู่ใกล้ เป็นที่อยู่อาศัยของชนชาวประเทศมีเพศภาษาต่างๆ คือ ลาวเฉียงลาวกาวและกัมพูชามลายูและกะเหรี่ยงในทิศนั้นๆ”
เนื้อหาในพระราชสาสน์คือการบอกว่า รัชกาลที่ 4 ทรงมีอำนาจเหนือกัมพูชา อาจเป็นไปได้ว่าการที่ทรงอ้างเช่นนั้น เพราะการทำสัญญาระหว่างกัมพูชา-ฝรั่งเศส เมื่อ พ.ศ. 2406 กระทำไปโดยที่สยามซึ่งมีอำนาจเหนือกัมพูชาในเวลานั้นไม่รับรู้
ทว่าในวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2410 สยามก็ลงนามในสนธิสัญญารับรองว่า ฝรั่งเศสมีอำนาจเหนือ “กัมพูชาส่วนนอก” ส่วน เมืองพระตะบอง และ เมืองนครเสียมราฐ (หรือเมืองนครวัด) หรือ “กัมพูชาส่วนใน” ยังคงเป็นประเทศราชของสยาม โดยมีการให้สัตยาบันกันในวันที่ 25 พฤศจิกายน ปีเดียวกัน ซึ่งในสนธิสัญญานี้ ยังกำหนดให้สนธิสัญญาลับสยาม-กัมพูชาสิ้นสภาพลงไปด้วย
นับแต่นั้นเป็นต้นมา ความเป็นเจ้าเหนือกัมพูชาของพระเจ้ากรุงสยามจึงคงเหลืออยู่แต่เพียงกัมพูชาส่วนใน หรือถ้าเรียกดินแดนส่วนนี้ด้วยสำนวนที่มาในเรื่อง “แผ่นดินเขมรเป็น 4 ภาค” ก็จะคือ “ขอมแปรพักตร์” หรือ “เขมรไทย” และ “เขมรป่าดง” หรือ “เขมรลาว”
“แผ่นดินเขมรเป็น 4 ภาค” พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 4
ในบทความวิจัยเรื่อง “ประวัติและพัฒนาการของความสัมพันธ์กัมพูชา-ไทย ค.ศ. 1907-2006” โดย ผศ. ดร. ธิบดี ให้รายละเอียดว่า รัชกาลที่ 4 อาจทรงพระราชนิพนธ์เรื่องนี้ในราว พ.ศ. 2411
ต้นฉบับหนังสือเป็นสมุดไทยดำ เส้นรงค์ เดิมเก็บรักษาไว้ที่ใดไม่ปรากฏ แต่ต่อมาอยู่ที่กรมเลขาธิการคณะรัฐมนตรี พิมพ์เผยแพร่ครั้งแรกในประชุมพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 4 ภาคปกิณกะ ภาค 1 โดยเป็นการพิมพ์พระราชทานในงานพระศพ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพวงสร้อยสอางค์ ณ พระเมรุท้องสนามหลวง พ.ศ. 2493
เนื้อความในหนังสืออธิบายว่า ดินแดนกัมพูชาแบ่งเป็น 4 ส่วน คือ
ขอมแปรพักตร์หรือเขมรไทย หมายถึงแดนแต่ฝั่งตะวันออกแม่น้ำปะดง ไปจนฝั่งตะวันตกของทะเลสาบ (เขมร) มีทั้งคนไทยและเขมรอาศัยปะปนกันไป “จังหวัดขอมแปรพักตร์นี้ ได้ตกเป็นของไทยทั้งสิ้นขาดทีเดียว จนเจ้านายฝ่ายเขมรหรือญวนก้ำเกินเข้ามาไม่ได้เลยทั้งสิ้น ตั้งแต่เมืองปัตบอง เมืองนครเสียมราฐ เข้ามาดังนี้นั้น ตั้งแต่ต้นพระบรมวงศ์นี้ เมื่อปีขาล จัตวาศก จุลศักราช 1144 ตรงกับคริสตศักราช 1782”
เขมรป่าดงหรือเขมรลาว หมายถึงแดนส่วนเหนือของเมืองพระนครขึ้นไป (บริเวณอีสานใต้) เมืองในดินแดนแถบนี้ “เขมรกับลาวปนกัน ยังเมืองพิมายอีกเมืองหนึ่งชื่อเป็นเขมร ปราสาทสร้างของเขมรก็ยังมี แต่บัดนี้เป็นแต่เมืองลาวกับไทยอยู่ ไม่มีเขมรเลย ก็เมืองเขมรป่าดงหรือเขมรลาวนี้เป็นของไทยขาดทีเดียวมานานแล้ว”
เขมรใหญ่หรือเขมรละแวก หมายถึงฟากตะวันออกของทะเลสาบเขมร รวมถึงแดนแถบเหนือและใต้ของทะเลสาบด้วย คนส่วนใหญ่เป็นเขมร มีเจ้าเขมรปกครอง แดนบางส่วนนี้บางสมัยขึ้นไทย บางสมัยขึ้นเวียดนาม (ญวน) บางสมัยก็ไม่ขึ้นทั้งไทยและเวียดนาม
เขมรญวนหรือเขมรใต้หรือเขมรจาม หมายถึงแผ่นดินเขมรแต่เมืองพนมเปญลงไปจนสุดแหลม คนในดินแดนส่วนนี้มีทั้งเขมร ญวน จาม อาศัยอยู่ แดนส่วนนี้จะเป็นของเขมรเท่าใด ของเวียดนามเท่าใด ไม่ทราบชัด
หากดูบริบทความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ พระราชนิพนธ์เกิดขึ้นหลังเสียดินแดนใน พ.ศ. 2410 ไม่นาน และถ้าว่าตามเรื่องนี้ ดินแดนที่เสียไปก็จัดว่าเป็น เขมรละแวก และ เขมรญวน ซึ่งเคยขึ้นทั้งเวียดนามและสยาม อีกทั้งคนส่วนใหญ่เป็นเขมรและชาติอื่นที่ไม่ใช่ไทย
ขณะที่ ขอมแปรพักตร์หรือเขมรไทย และ เขมรป่าดงหรือเขมรลาว ซึ่ง “เป็นของไทยทั้งสิ้นขาดทีเดียว”, “เป็นของไทยขาดทีเดียวมานานแล้ว” และมีคนไทยอาศัยอยู่ปะปนกับเขมรและลาว ยังคงเป็นดินแดนของสยามอยู่
เมื่อพิจารณาเนื้อหาในพระราชนิพนธ์ เท่ากับ “แผ่นดินเขมรเป็น 4 ภาค” กำลังบอกว่า สยามไม่ได้เสียดินแดนไปใน พ.ศ. 2410 เพราะดินแดนเหล่านั้นไม่เคยเป็นของสยามอย่างแน่ชัดมาแต่เดิม
กระทั่งเข้าสู่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) สยามได้ทำสนธิสัญญากับฝรั่งเศส 2 ฉบับ คือ พ.ศ. 2447 และ พ.ศ. 2450 ซึ่งจะมีผลถึงอำนาจของสยามเหนือดินแดนเขมรป่าดงหรือเขมรลาว และขอมแปรพักตร์หรือเขมรไทยโดยลำดับ
อ่านเพิ่มเติม :
- พระมหากษัตริย์กัมพูชา มาจากการเลือกของ “สภาราชบัลลังก์” 9 คน มีใครบ้าง?
- พระองค์ผิว เจ้าหญิงกัมพูชาที่มีเชื้อสายไทย พระมารดาเป็นคนไทย
- เขมร, ขอม, ขแมร์, กัมปูเจีย, กัมพูชา, แคมโบเดีย แต่ละคำในภาษาเขมรมาจากไหน?
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 6 สิงหาคม 2568
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : “แผ่นดินเขมรเป็น 4 ภาค” พระราชนิพนธ์ ร.4 ทรงแบ่งกัมพูชาส่วนไหนเป็นของไทยบ้าง?
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.silpa-mag.com