“ระเบียบทัพ” ในสงครามปราบฮ่อ รัชกาลที่ 5 รับสั่ง “ห้าม” ข่มขู่ ปชช.-ทำราชการประกวดกัน-ทำร้ายคนที่ไม่ต่อสู้ ฯลฯ
สงครามปราบฮ่อ เป็นศึกที่เกิดขึ้นในรัชกาลที่ 4 ล่วงเลย, ยืดเยื้อ และสร้างความวุ่นวายแก่บ้านเมืองจนถึงสมัยรัชกาลที่ 5 พ.ศ. 2428 จึงมีรับสั่งแก่เจ้าหมื่นไวยวรนารถ 1 ใน 2 แม่ทัพที่รับภารกิจ ถึง “ระเบียบทัพ” สำหรับศึกครั้งนี้
จัดทัพ 2 กอง
พ.ศ. 2428 รัชกาลที่ 5 รับสั่งให้จัดทัพเป็น 2 กอง แม่ทัพใหญ่ฝ่ายเหนือคือ (ต่อมาคือ เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสง-ชูโต)) ให้ปราบปรามข้าศึกศัตรูและโจรผู้ร้ายในหัวเมืองขึ้นเมืองหลวงพระบางชั้นใน และเมืองหัวพันห้าทั้งหก ตลอดจนถึงเมืองสิบสองจุไทย
แม่ทัพใหญ่ฝ่ายใต้คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคม ให้ปราบปรามข้าศึกศัตรูและโจรผู้ร้ายในเขตต์แขวงเมืองพวน ตลอดลงมาจนหัวเมืองลาวฝ่ายตะวันออก
ก่อนออกเดินทาง เจ้าหมื่นไวยวรนารถได้กราบบังคมทูลถามถึงการศึกครั้งนี้ รัชกาลที่ 5 ทรงมีรับสั่งแก่เจ้าหมื่นไวยวรนารถว่า “เจ้าจะเป็นผู้ขึ้นไปทำการให้เจ้าเรียงข้อความเป็นคำถามข้ามาก่อน…ข้าจะได้ชี้แจงตอบเจ้าเป็นข้อๆ ไป”
คำตอบรัชกาลที่ 5 ที่ทรงตอบเจ้าหมื่นไวยวรนารถ คือพระราชประสงค์ใน “ระเบียบของกองทัพ”
ระเบียบทัพ
1. การยกกองทัพขึ้นไปเพื่อจะปราบปรามพวกฮ่อในเมืองพวน, เมืองหัวพันห้า เพื่อจะได้ให้ราษฎรทั้งปวงได้รับความอยู่เย็นเป็นสุข ดังนั้นจึงห้ามแม่ทัพนายกองในกองทัพทั้งหมด ข่มขู่ราษฎร, แย่งชิงเสบียงอาหาร ฯลฯ
2. มีพระราชประสงค์ที่จะทรงทราบ พื้นที่ทั้งปวงในพระราชอาณาเขต จึงรับสั่งให้แม่ทัพนายกองทั้งปวงช่วยกันสนับสนุนเจ้าพนักงานทำแผนที่ และตรวจตราทางเข้าทางออกที่ต่อเขตแดน เพื่อการรักษาป้องกันบ้านเมือง
3. เหตุที่โปรดเกล้าฯ ให้แยกขึ้นไปเป็น 2 กอง เนื่องจากพระราชอาณาเขตกว้างขวาง และรับสั่งถึง การทำงานของทั้ง 2 ทัพ ในหลายประเด็น เช่น
ห้ามเด็ดขาดไม่ให้แม่ทัพทั้ง 2 ฝ่ายทำราชการประกวดกัน, กองทัพใดปฏิบัติภารกิจเสร็จสิ้นก่อน ให้รออีกกองจนเสร็จศึกเรียบร้อย แล้วจึงให้ถอยพร้อมกัน, อย่าละเลยการมีใบบอกลงมาถึงกรุงเทพฯ อย่างช้าที่สุดเพียง 15 วันครั้งหนึ่ง ฯลฯ
4. เสบียงอาหารของกองทัพ ทั้งการขนส่งลำเลียง และการจัดหาเกณฑ์จากหัวเมืองต่างๆ แม่ทัพต้องตรวจตราคิดกะการให้ตลอดไป หากขัดสนต้องอาศัยเสบียงอาหารที่ส่งขึ้นไปจากกรุงเทพฯ หรือหัวเมืองชั้นใน ก็ให้มีขอร้องลงมาโดยเร็ว จะได้จัดการขึ้นไปให้ตลอด
5. การรบถ้าได้ชัยชนะแล้ว และไม่จำเป็นที่จะป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น อย่าให้ประหารชีวิตคนที่มิได้ต่อสู้ให้เสียหายแก่บ้านเมืองและเป็นบาปว่าฆ่ามนุษย์โดยไม่มีความกรุณา
6. ถ้าฮ่อต่อสู้กำลังกองทัพไม่ได้ แตกหนีออกไปนอกพระราชอาณาเขตแล้ว ไม่ต้องติดตาม แต่ให้ปรึกษาด้วยพระยาราชวรานุกูล พระยาพิชัยข้าหลวงคิดจัดตั้งด่านป้องกันรักษาบ้านเมือง จัดการให้ราษฎรตั้งทำมาหากินเป็นภูมิลำเนาขึ้น ควรจะช่วยข้าหลวงจัดการฝึกหัดทหารและโปลิศ (พลตำรวจพระนครบาล)
7.ถ้าพวกฮ่อยอมเข้าสวามิภักดิ์โดยดี มิใช่เป็นอุบายหลอกลวง อาจผ่อนเข้ามาไว้ในหัวเมืองชั้นใน อย่าให้คุมกันเป็นกำลังใหญ่โตจึงจะวางใจได้ และมีกำลังอำนาจข้าหลวงพอควบคุม
8. ที่คาดว่าจีนหรือฝรั่งเศสจะมาช่วยฮ่อ ดูจะไม่เป็นจริง ถึงแม้เป็นจริง ถ้ากำลังฝ่ายเราพอจะปราบปรามได้ ก็ให้ทำการให้เต็มมือ อย่าท้อใจว่าเป็นรบจีนหรือฝรั่งเศส แต่ถ้าเห็นว่าเกินกำลัง ให้ทั้ง 2 กอง คิดรักษาไว้เท่าที่ได้ ถ้าขัดข้องให้มีใบบอกหารือลงมายังกรุงเทพฯ อย่าถอยกองทัพลงมาเสียทีเดียว
9. เมื่อเวลาไล่ฮ่อไปถึงปลายเขตแดน ถ้าฝ่ายฝรั่งเศสจะมาว่าด้วยเขตแดนประการใด ควรตอบว่าการเรื่องนี้ที่กรุงเทพฯ จะปรึกษากับทูตฝรั่งเศสให้ตกลงโดยทางไมตรีที่กรุงเทพฯ ไม่ควรจะแย่งชิงกัน
“ระเบียบทัพ” ของรัชกาลที่ 5 ที่ทรงมีรับสั่งเป็นแนวทางให้แม่ทัพทั้งสองนำไปปฏิบัตินั้น กระทั่งกลางปี 2430 ก็สามารถปราบฮ่อได้อย่างราบคาบ
อ่านเพิ่มเติม :
- เบื้องหลังสงครามปราบฮ่อ มีปัญหาอะไรซ่อนอยู่ใต้พรม
- กำเนิดกองทัพสมัยใหม่ในสยาม ก่อนกลายเป็นฐานอํานาจทางการเมืองของผู้นําทหาร
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
อ้างอิง :
ประวัติการของจอมพลเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี ภาค 1, คุณหญิงสงวน สุรศักดิ์มนตรี พิมพ์แจกในงานพระราชทานเพลิงศพ เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรีฯ ณ เมรุวัดเทพศิรินทราวาส วันเสาร์ 8 เมษายน พุทธศักราช 2476
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 6 สิงหาคม 2568
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : “ระเบียบทัพ” ในสงครามปราบฮ่อ รัชกาลที่ 5 รับสั่ง “ห้าม” ข่มขู่ ปชช.-ทำราชการประกวดกัน-ทำร้ายคนที่ไม่ต่อสู้ ฯลฯ
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.silpa-mag.com