TDRI แนะทางออกกับดักประเทศ เพิ่มโอกาสเศรษฐกิจ - แบ่งเค้กเป็นธรรม
ประเทศไทยอยู่ในกับดักมาอย่างยาวนานทั้งในเรื่องกับดักทางรายได้และกับดักทางการเมือง ที่ฉุดรั้งการพัฒนาของประเทศให้ยังไม่สามารถก้าวเดินไปข้างหน้าได้มากเท่าที่ควร
“กรุงเทพธุรกิจ” สัมภาษณ์ ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เพื่อหาคำตอบว่า ประเทศไทยจะออกจากกับดัก “Out of the Trap" ได้อย่างไร
นายสมเกียรติ กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยเผชิญกับดักหลายด้าน โดยไม่ใช่แค่ “กับดักการพัฒนาเศรษฐกิจ” หรือกับดักรายได้ปานกลางเท่านั้น แต่เรายังติด “กับดักการบริหารจัดการภาครัฐ” และ “กับดักวิธีคิด” ทั้งหมดนี้เป็นปัญหาเชื่อมโยงกันอย่างแนบแน่น ทำให้ประเทศไม่สามารถก้าวพ้นได้ปัญหาต่างๆได้
ในประเด็นของกับดักเศรษฐกิจทุกวันนี้เศรษฐกิจของประเทศไทยเราเหมือนรถยนต์ที่พลังขับเคลื่อนน้อย และเต็มไปด้วย “เบรก” นานาชนิด ทั้งเบรกมือ เบรกเท้า และยังขับไปโดยไฟหน้าไม่ชัดเจน
ดังนั้นรถคันนี้กำลังขับเข้าไปในดินแดนใหม่ เผชิญโลกมันเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีสงครามการค้า สงครามเทคโนโลยี ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของสภาพดินฟ้าอากาศ มีกระทบให้เห็นทุกวันๆ ทั้งตลาดแรงงาน วิธีการทำงาน วิธีทำมาหากินกำลังเปลี่ยนไปจากเทคโนโลยีอย่างปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทำให้ “รถเศรษฐกิจไทย” ค่อนข้างน่าเป็นห่วง
“ประเทศไทยอยู่ในสถานะประเทศรายได้ปานกลางมานานหลายทศวรรษ และไม่สามารถก้าวขึ้นสู่ประเทศรายได้สูงได้สักที แต่ที่ลึกกว่านั้นคือปัญหาเชิงโครงสร้างของรัฐ และวิธีคิดที่ยังคงยึดติดกับรูปแบบเดิม ๆ ซึ่งสุดท้ายย้อนกลับมากดทับการเติบโตทางเศรษฐกิจทำให้การพัฒนาเศรษฐกิจมีข้อจำกัดมากขึ้น”นายสมเกียรติ กล่าว
ส่วนนโยบายเศรษฐกิจของพรรคการเมืองที่เข้ามาเป็นรัฐบาลนั้นประธานทีดีอาร์ไอได้ชี้ให้เห็นว่าแม้ในอดีตบางพรรคการเมืองสามารถประสบความสำเร็จได้โดยใช้นโยบายบางอย่างที่เป็นนวัตกรรมในขณะนั้น เช่น พรรคไทยรักไทย เคยมีจุดเด่นเรื่องนโยบายเศรษฐกิจ แต่ปัจจุบันต้องยอมรับว่าโลกวันนี้เปลี่ยนไปมาก ทุกอย่างต้องคิดใหม่ทำใหม่ แต่น่าเสียดายที่สิ่งที่เราเห็นคือพรรคเพื่อไทยยังไม่ได้คิดใหม่ทำใหม่จริงๆ ในการมาเป็นรัฐบาลในครั้งนี้
ในอดีต “ยุคทักษิณ” เมื่อกว่า 20 ปีก่อนนั้น มีนวัตกรรมด้านนโยบายและการบริหารจัดการที่น่าสนใจ เช่น 30 บาทรักษาทุกโรค, กองทุนหมู่บ้าน, OTOP ซึ่งเป็นความริเริ่มที่ทำให้คนระดับฐานรากมีพลังทางเศรษฐกิจมากขึ้น แต่ในโลกปัจจุบันโมเดลเหล่านี้หลายส่วนตกยุคไปแล้ว โดยการเมืองไทยยังไม่สามารถสร้าง “นวัตกรรมเชิงนโยบายใหม่” ที่ตอบโจทย์ความเปลี่ยนแปลงของโลกได้
ดังนั้นคำถามใหญ่ของประเทศไทย คือ วิธีคิดที่เคยใช้ได้ในอดีต วันนี้ยังใช้ได้หรือไม่ หรือใช้ไม่ได้แล้ว แต่ยังยึดติดกับมันและถ้ายังยึดติดแบบนี้ ประเทศไทยจะยังคงติดกับดักและเป็นประเทศกำลังพัฒนาต่อไป
นายสมเกียรติ กล่าวว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีข้อจำกัดนั้น กระทบกับรายได้ประชากร และการกระจายรายได้ โดยประเทศไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียที่แก่ก่อนรวย ซึ่งการเติบโตของเศรษฐกิจที่เหลือเพียงปีละ 2% จากที่ในอดีตเคยขยายตัวได้ถึง 7% จะส่งผลกระทบในแง่ของการกระจายรายได้ และกระจุกอยู่กับบางกลุ่มที่ทำมาหากิน
ส่วนอีกหลายกลุ่มการทำมาหากินอย่างเหนื่อยยากมาก การยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ขึ้นมายิ่งทำได้ยาก ดังนั้นโจทย์ใหญ่ในการออกจากกับดักของประเทศในส่วนนี้คือ ต้องทำทั้งสองอย่างพร้อมกัน คือ “การขยายเค้กเศรษฐกิจ” และ “การแบ่งเค้กอย่างเป็นธรรม” ซึ่งจะเป็นจุดสำคัญของประเทศในการผ่านพ้นกับดักในเรื่องการสร้างความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจได้
“สองโจทย์นี้จริงๆ เกี่ยวข้องกัน มองแยกกันแบบเด็ดขาดไม่ได้ ตอนนี้เรามีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่ำลง แม้ว่าประเทศไทยกลายเป็นประเทศรายได้ปานกลาง พูดง่ายๆ คือเป็นคนชั้นกลาง แต่ไม่ได้ก้าวไปสู่การเป็นเศรษฐีหรือเป็นคนรวย แต่ก็กำลังเริ่มแก่ตัวซึ่งถือเป็นโจทย์ที่ยากขึ้นในการรับมือกับความท้าทายทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น”
สำหรับประเด็นอุปสรรคในการสร้างการเติบโตเศรษฐกิจ แม้จะพูดถึงการทำธุรกิจเป็นของกลุ่มทุนใหญ่ที่ดูเหมือนจะขยายตัวเข้าไปในกลุ่มธุรกิจต่างๆมากขึ้น ในเรื่องนี้จะมีหลายฝ่ายบอกว่าอุปสรรคการพัฒนาและการสร้างการเติบโต บางคนอาจมองว่าเข้ามาขัดขวางรายย่อย ซึ่งในประเด็นนี้กลุ่มทุนขนาดใหญ่ไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาคือวิธีการทำมาหากินของทุนใหญ่ว่าใช้รูปแบบใด
“หากทุนใหญ่แข่งขันด้วยการส่งออก การสร้างนวัตกรรม หรือการพัฒนาผลิตภาพจะไม่มีใครต่อต้าน”
แต่หากทุนใหญ่หากินในประเทศ โดยสร้างกำแพงป้องกันการแข่งขันจากต่างชาติ และยังเอารัดเอาเปรียบผู้ประกอบการรายย่อย เช่น ในธุรกิจพลังงานที่ชาวบ้านไม่สามารถขายไฟฟ้าจากโซลาร์ได้ง่าย ๆ แต่ทุนใหญ่กลับทำได้อย่างเต็มที่ โมเดลแบบนี้ทำให้เศรษฐกิจไทยไม่สามารถไปต่อได้
นอกจากนี้สิ่งที่ทำให้ทุนใหญ่มีอำนาจเช่นนี้ก็คือ กฎระเบียบภาครัฐ ที่เอื้อให้เฉพาะกลุ่มทุนที่มีสายสัมพันธ์กับผู้มีอำนาจทางการเมืองนี่คือกับดักที่แท้จริงของประเทศไทย เพราะการเติบโตเศรษฐกิจที่กระจายตัวอย่างเหมาะสมจะไปต่อไม่ได้ และสิ่งที่สนับสนุนทุนใหญ่ให้กลุ่มทุนทำแบบนี้ได้ คือกฎระเบียบภาครัฐ ซึ่งต้องกล้า“คิดใหม่ ทำใหม่” ปลดล็อกสิ่งที่เป็นอุปสรรคเพื่อออกจากกับดักเดิมให้ได้
“กับดักของประเทศไทยเป็นกับดักเศรษฐกิจ เติบโตไม่ได้ กระจายรายได้ไม่ดี เป็นกับดักจากการบริหารจัดการภาครัฐที่มีกฎระเบียบทำให้ประชาชนทำมาหากินยาก และเอื้อเฉพาะธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีเส้นมีสาย มีความสัมพันธ์ดีกับผู้นำทางการเมือง"
สำหรับโมเดลดังกล่าวทำให้ประเทศไทยไปต่อไม่ได้ โดยต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนและผู้ประกอบการรายย่อยทำมาหากินง่ายขึ้น ลดกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรค ต้องทำให้การเติบโตและการกระจายรายได้เดินไปพร้อมกัน ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีโอกาสก้าวสู่การพัฒนาและหลุดพ้นจากกับดักเดิม