Business Today Thai Politics 15 สิงหาคม 2568
“อุ๊งอิ๊งค์” ปัดตอบสื่อ ปมคลิปเสียง ปมศาลรัฐธรรมนูญนัดไต่สวน 21 ส.ค.
วันนี้ (15 ส.ค. 68) เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เดินทางมาที่สภาผู้แทนราษฎรต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ระหว่างที่ที่ประชุมสภา ผู้แทนราษฎรการ มีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 วาระ 2-3 วันสุดท้าย
โดยสื่อมวลชนพยายามสอบถามหลังศาลรัฐธรรมนูญ กำหนดวันพิจารณา และลงมติในคดีคลิปเสียงสนทนากับ นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาว่าในวันที่ 21 ส.ค. นี้จะเข้าไต่สวนด้วยตนเองหรือไม่ โดยนางสาวแพทองธาร ไม่ได้ตอบคำถามใด ๆ นอกจากยิ้มให้ ก่อนจะเดินขึ้นไปที่ห้องรับรองของอาคารรัฐสภา
“รัฐบาล” แจงเวทีระดับโลกชี้ “กัมพูชา” ละเมิดทุกกฎกติกาโลก – ละเมิดอธิปไตย
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่า เช้าวันนี้ (วันศุกร์ที่ 15 สิงหาคม 2568) กระทรวงการต่างประเทศได้จัดบรรยายพิเศษแก่คณะทูตกลุ่มรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา
ก่อนที่จะนำคณะทูตลงพื้นที่ ชมหน่วยปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม ที่บ้านหนองเม็ก อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก จากการโจมตีด้วยอาวุธหนักของกัมพูชา ในวันพรุ่งนี้
ทั้งนี้ มีผู้แทนต่างประเทศ องค์กรและองค์การระหว่างประเทศเข้าร่วมรับฟังจำนวน 67 คน จาก 41 ประเทศ 1 องค์กร และ 4 องค์การระหว่างประเทศ โดยนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้กล่าวสรุปแก่คณะทูตกลุ่มรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา เกี่ยวกับเหตุการณ์ในการใช้กับระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชาผ่านระบบวิดีโอ คอนเฟอเรนซ์ ในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ ตามกรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง (Mekong – Lancang Cooperation) หรือ MLC ครั้งที่ 10 ณ เมืองอันหนิง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน
โดยระบุว่า กัมพูชาจงใจละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทยอย่างชัดเจน ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงที่ตกลงกันไว้ และยังเป็นการละเมิดพันธกรณีหลักภายใต้อนุสัญญาออตตาวา ที่ว่าด้วยการห้ามมีและใช้กับระเบิดสังหารบุคคล
ขณะที่นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่าปัญหากับระเบิดที่พบจำนวนมากที่บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ไม่ใช่แค่ประเด็นความมั่นคง แต่เป็นเรื่องมนุษยธรรมที่ต้องให้ความสำคัญและดำเนินการเร่งด่วนที่สุด
นายจิรายุกล่าวต่อไปว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวย้ำถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ GBC ที่ประเทศมาเลเซียเมื่อวัน 7 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา ได้มีการตกลงหยุดยิง ตั้งแต่คืนวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ซึ่งไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงนี้ แต่หลังจากการประชุมฯ เพียง 5 วัน ก็เกิดเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบกับระเบิดอีก 2 ครั้ง ซึ่งมีหลักฐานยืนยันอย่างชัดเจนว่ากับระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่โดยกัมพูชา
ซึ่งเป็นการเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก แสดงให้เห็นว่ากัมพูชายังคงจงใจละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และข้อตกลงหยุดยิงที่ตกลงกันไว้เมื่อเร็ว ๆ นี้ อย่างร้ายแรง ยิ่งไปกว่านั้น กัมพูชายังจงใจละเมิดพันธกรณีหลักภายใต้อนุสัญญาออตตาวาอีกด้วย
รัฐบาลไทยขอประณาม พฤติกรรม และการกระทำอย่างรุนแรงที่สุด ซึ่งถือเป็นการกระทำที่บ่อนทำลายสาระที่สำคัญที่สุดของอนุสัญญาออตตาวา รวมถึงเจตนารมณ์ของปฏิญญาเสียมราฐ-อังกอร์ ที่ได้รับการรับรองภายใต้การปกครองของกัมพูชาในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2567 และถือเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง
“ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาพยายามขัดขวางการปฏิบัติการกวาดล้าง กับระเบิด ของไทยตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแต่มีผลโดยตรงต่อประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญต่อนานาชาติ โดยเฉพาะผู้บริจาคที่ให้การสนับสนุนกัมพูชาด้วยความจริงใจอีกด้วย“ นายมาริษ กล่าวย้ำ
ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อให้แน่ใจว่ากัมพูชาจะหยุดการใช้กับระเบิดอย่างไร้มนุษยธรรม และต้องปฏิบัติตามพันธกรณีทางกฎหมายภายใต้อนุสัญญาออตตาวาและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด ซึ่งไทยได้แจ้งเรื่องนี้ต่อเลขาธิการสหประชาชาติ เพื่อขอคำชี้แจงจากกัมพูชาตามมาตรา 8 วรรค 2 ของอนุสัญญาออตตาวา สำหรับการลงพื้นที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ของคณะทูต ในวันพรุ่งนี้ เพื่อสังเกตการณ์ทุ่นระเบิด โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะลงพื้นที่ด้วยตัวเอง
ในวันพรุ่งนี้รัฐบาลจะนำคณะผู้แทนจากสถานเอกอัครราชทูต ลงพื้นที่ได้รับผลกระทบจากกับระเบิดสังหารบุคคลซึ่งเพิ่งถูกฝังโดยฝ่ายกัมพูชา รวมไปถึงการเยี่ยมชมหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมในจังหวัดศรีสะเกษ โดยคณะทูตจะได้เห็นด้วยตนเองถึงผลกระทบในทุกมิติ ต่อชุมชนในพื้นที่ จากนั้น จะเดินทางไปที่บ้านหนองเม็ก อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งมีบ้านเรือนของประชาชนที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก จากการโจมตีด้วยอาวุธหนักของกัมพูชา ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างไม่เลือกเป้าหมายและไร้มนุษยธรรม
“แสวง” เร่งคดีฮั้ว สว.ยันดำเนินการสอบตามขั้นตอน
วันนี้ ( 15 ส.ค.) นายแสวง บุญมี เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา ของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนชุดที่ 26 ว่า อยู่ในขั้นตอนให้เลขาธิการ กกต.ทำความเห็น
ซึ่งตนเองมอบหมายให้รองเลขาธิการฝ่ายสืบสวนเป็นผู้ดูแลแทน โดยมีกรอบระยะเวลา 30 วัน ซึ่งสามารถขยายเวลาได้อีก แต่จะทำให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด ตามที่ปรากฏเป็นข่าวคือ มีเอกสารเป็นจำนวนมาก จึงต้องใช้เวลาในศึกษาให้ได้ข้อเท็จจริง
ผู้สื่อข่าวถามถึงที่มีกระแสข่าวว่าจะใช้ระยะเวลากว่า 8 เดือนนั้น นายแสวง เผยว่า ก็คงเป็นข่าว แต่ในทุกระดับชั้นก็จะดำเนินการให้เร็วที่สุด
ส่วนกรณีที่จะมี กกต.บางคน เกษียณอายุ และต้องมีการเลือก กกต.ใหม่ มาปฎิบัติหน้าที่แทนนั้น นายแสวง ระบุว่า เรื่องดังกล่าวไม่ได้เป็นเงื่อนไข สำนวนก็ดำเนินต่อตามระเบียบ กกต. ก็ยังคงทำหน้าที่อยู่ต่อไป ถึงแม้จะครบวาระก็ยังปฏิบัติหน้าที่โดยมีอำนาจเต็มทุกอย่าง
ยื่นภาษีปี 70 รัฐบาลขีดเส้นคนไทยทุกคนต้องยื่นรายได้ หวังจัดสวัสดิการตรงเป้า
นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลโดยกระทรวงการคลัง ได้พัฒนาระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Data Lake) เชื่อมโยงข้อมูลประชาชนกว่า 60.8 ล้านคน และภาคธุรกิจ 600,000 กิจการ
เพื่อใช้กำหนดนโยบายการคลังและสวัสดิการอย่างตรงเป้าหมาย รวมถึงการพัฒนาระบบเครดิตสกอริ่งของประชาชน (Ari Score) และเตรียมนำไปสู่การใช้รูปแบบภาษี Negative Income Tax ในปี 2570
ภายใต้ระบบนี้ ประชาชนทุกคนต้องยื่นแบบภาษี ไม่ว่าจะมีรายได้ถึงเกณฑ์เสียภาษีหรือไม่ โดยผู้มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์จะมีสิทธิรับสวัสดิการรัฐ ส่วนผู้มีรายได้ถึงเกณฑ์จะเสียภาษีตามปกติ ทั้งนี้ การเชื่อมโยงข้อมูลยังครอบคลุมการทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อบูรณาการข้อมูลทางการเงินและข้อมูลด้านสุขภาพ ซึ่งเป็นข้อมูลหลักในการจัดสวัสดิการอย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพสูงสุด
รองโฆษกรัฐบาลย้ำว่า การใช้ฐานข้อมูล Data Lake จะทำให้การจัดสรรงบประมาณและสวัสดิการตรงจุด โปร่งใส และสะท้อนรายได้จริงของประชาชน ช่วยวางนโยบายการคลังเชิงรายภูมิภาคได้อย่างเหมาะสม ส่งเสริมคุณภาพชีวิตและความมั่นคงทางการเงินของคนไทยในทุกพื้นที่
“รัฐบาลมุ่งสร้างระบบภาษีและสวัสดิการที่ทันสมัย โปร่งใส และเข้าถึงได้ เพื่อให้ทุกคนได้รับสิทธิประโยชน์อย่างเท่าเทียม พร้อมเดินหน้าพัฒนาฐานข้อมูลและนโยบายที่ตอบสนองต่อความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างแท้จริง” นางสาวศศิกานต์ กล่าว
“กลาโหม” มอบ “เหรียญบางระจัน” เกียรติยศ “ทหารกล้า” ปกป้องอธิปไตย
พลเอก สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พลเรือเอก สุพพัต ยุทธวงศ์ พร้อมคณะ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่รักษาความไม่สงบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา
โดยเข้าเยี่ยมทหารที่เข้ารับการรักษาตัว ณ ตึกสิริกิติ์และตึกเฉลิมพระเกียรติ พร้อมมอบ “เหรียญบางระจัน” และประกาศนียบัตร ให้กับกำลังพลผู้บาดเจ็บ จำนวน 7 นาย และมอบให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิต เพื่อเป็นขวัญกำลังใจและแสดงความขอบคุณในความเสียสละ ตามดำริของ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมรักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประกาศเกียรติคุณและสร้างความภาคภูมิใจให้กับทหารผู้กล้าที่ยอมสละเลือดเนื้อและชีวิตเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ ดังเช่นบรรพบุรุษไทยในอดีต ทั้งยังเป็นการสดุดีวีรบุรุษทหารกล้าเหล่านี้
สำหรับ “เหรียญบางระจัน” เป็นเหรียญที่จัดทำขึ้นเพื่อยกย่องผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อชาติ โดยชื่อเหรียญมีความหมายเชิงสัญลักษณ์ที่เชื่อมโยงกับวีรชนแห่งบ้านบางระจันที่ พลีชีพเพื่อปกป้องแผ่นดินไทย
ซึ่งสะท้อนถึงความกล้าหาญและความเสียสละที่ทหารหาญเหล่านี้ได้แสดงออกมา “วีรกรรมของท่านจะจารึกอยู่ในหัวใจคนไทยตราบนานเท่านาน” เพื่อเป็นอนุสรณ์เตือนใจให้คนไทยรุ่นหลังได้จดจำและซาบซึ้งในความเสียสละของทหาร