ระทึกพ่อลูก ทักษิณ-แพทองธาร ลุ้นศาลชี้ชะตาการเมืองไทย
สถานการณ์การเมืองไทยกำลังจับตามองตระกูลชินวัตรอย่างไม่กะพริบตา เมื่อสองเหตุการณ์สำคัญจะเกิดขึ้นต่อเนื่องกันในเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งอาจกำหนดทิศทางอนาคตของรัฐบาลและสมดุลอำนาจทางการเมือง
วันที่ 21 สิงหาคม นางแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีกำหนดขึ้นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อชี้แจงคดีสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการดำรงตำแหน่ง ซึ่งบังเอิญตรงกับวันคล้ายวันเกิดของเธอ ท่ามกลางกระแสข่าวลือว่าอาจพิจารณาลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากยังไม่ยืนยันแน่ชัดว่าจะเข้าศาลด้วยตนเอง
ต่อมาในวันที่ 22 สิงหาคม ศาลจะอ่านคำพิพากษาคดีมาตรา 112 ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และบิดาของแพทองธาร ซึ่งตรงกับวันครบรอบ 2 ปีที่เขาเดินทางกลับประเทศไทย ผลลัพธ์ของคดีนี้ถูกมองว่าอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อทั้งวงการการเมืองและเสถียรภาพของรัฐบาล
ขณะที่ในเดือนกันยายน ทักษิณยังมีคดีอีกหนึ่งเรื่องรอการพิจารณาในศาลอุทธรณ์ ทำให้ทั้งพ่อและลูกถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด
ด้าน กลยุทธ์ทางกฎหมาย ทีมทนายของนายกฯแพทองธารยืนยันว่าการกระทำไม่เข้าข่าย “ผิดจริยธรรมร้ายแรง” เพราะไม่ได้สร้างความเสียหายแก่ประเทศ ศาลรัฐธรรมนูญได้เรียกพยานเพียงสองราย คือแพทองธารเองและเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ซึ่งบางฝ่ายมองว่าเป็นสัญญาณที่ดีว่าศาลอาจมีข้อสงสัยไม่มากนัก
อย่างไรก็ตาม หากศาลชี้ว่ามีความผิด คำตัดสินจะมีผลผูกพันต่อองค์กรอิสระอื่น เช่น ป.ป.ช. และอาจกระทบต่อคดีที่กำลังดำเนินอยู่ ส่งผลให้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและเสถียรภาพทางการเมืองอยู่ในความเสี่ยงสูง
มี 3 สถานการณ์ ที่แพทองธารอาจเลือกเดินต่อไป ได้แก่
- ลาออก เพื่อยุติปัญหาทางกฎหมาย แม้คดี ป.ป.ช. จะยังคงดำเนินต่อ
- ต่อสู้คดี ซึ่งหากแพ้อาจสร้างแรงกระเพื่อมรุนแรงต่อทั้งรัฐบาลและพรรค
- ยุบสภา แม้มีความเป็นไปได้ต่ำ แต่ถูกพูดถึงในฐานะ “ไพ่ใบสุดท้าย”
ทั้งหมดนี้ทำให้เดือนสิงหาคมถูกจับตามองว่าเป็น “จุดเปลี่ยน” ของทั้งอดีตนายกฯ ทักษิณ และนายกฯ แพทองธาร ซึ่งชี้วัดอนาคตของรัฐบาลและทิศทางการเมืองไทย
ที่มาเนื้อหาประกอบข่าว : เนชั่นสุดสัปดาห์