พท.โวย ส.ส. เสนอนับองค์ประชุม มอง "นายกฯ ชั่วคราว" หวังชิงความได้เปรียบทางการเมือง
ที่พรรคเพื่อไทย นายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย เผยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา การตั้งคำถามถึงเสถียรภาพรัฐบาล และการปรับคณะรัฐมนตรี และการนำเสนอนายกฯ ชั่วคราวอย่างมีเงื่อนไข ซึ่งขอยืนยันว่า การปรับคณะรัฐมนตรี เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีที่เป็นไปตามกระบวนการตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลมีสิทธิ์ในการเสนอชื่อรัฐมนตรีและเชื่อว่านายกรัฐมนตรีเลือกบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเป็นอย่างดีผ่านประสบการณ์การทำงานในมุมมองที่หลากหลาย และเชื่อมั่นว่าทุกคนที่เข้าทำงาน ได้เดินทางไปมอบนโยบายในแต่ละกระทรวงแล้วเชื่อว่าจะขับเคลื่อนงานของรัฐบาลและนโยบายที่นายกรัฐมนตรีแถลงไว้ต่อรัฐสภา ผลักดันให้เกิดความรูปธรรมมากที่สุด อย่างเช่นกระทรวงมหาดไทย ได้มีการบุกจับ ทลายบ่อนการพนันย่านสะพานใหม่ ซึ่งจะเห็นว่ารัฐบาลจริงเอาจัง และพร้อมที่จะทำงานปราบบ่อนการพนันยาเสพติด แก็งคอลเซ็นเตอร์และกัญชา
สำหรับกรณีที่มีปัญหาสภาล่ม เมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เป็นการเปิดสมัยประชุมวันแรก และสถานการณ์ในวันนั้นรัฐมนตรีหลายคนเพิ่งถวายสัตย์ปฏิญาณเสร็จและเพิ่งเดินทางเข้ามาทำเนียบรัฐบาล ขณะเดียวกันมีการประชุมกรรมาธิการงบประมาณฯและคณะกรรมาธิการชุดต่างๆ แต่ปรากฏว่ามีการเสนอนับองค์ประชุม จึงอยากถามว่าเจตนาคืออะไร ซึ่งมองว่าไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน เพราะในช่วงปิดสมัยประชุม ส.ส.ไปลงพื้นที่เพื่อนำปัญหาของพี่น้องประชาชนก็มาสู่กลไกของสภา จึงเห็นว่าการที่เสนอนับองค์ประชุมเช่นนี้ เป็นเรื่องของการเมืองมากเกินไป อย่างไรก็ตามเรื่องการรักษาองค์ประชุมเป็นเรื่องที่พรรคร่วมรัฐบาลจะต้องร่วมมือกัน โดยในส่วนของพรรคเพื่อไทยทางวิปรัฐบาล ก็ได้แจ้งไว้แล้วว่าต้องเข้าร่วมเป็นองค์ประชุม
ส่วนการเรียกร้องให้ยุบสภาทางพรรคนั้น รองโฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยยืนยันว่าไม่มีเหตุให้ยุบสภา ขณะนี้สภาก็อยู่ในระเบียบวาระ และมีงานที่สำคัญคือ ร่างพระราชบัญญงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 และยังมีกฎหมายนิรโทษกรรมและกฎหมายที่ทางพรรคเพื่อไทยต้องเร่งเสนอผลักดันให้เป็นรูปธรรม ดังนั้นการเรียกร้องให้ยุบสภาเป็นการช่องชิงความได้เปรียบทางการเมืองมากเกินไปโดยไม่ได้สนใจว่างบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 กว่าจะลงไปกระตุ้นศรษฐกิจอย่างไร เรายังมีกิจกรรมมากมายที่ต้องเข้าไปดูแลพี่น้องประชาชน อีกทั้งเป็นที่ทราบดี ว่าการเลือกตั้งต้องใช้งบประมาณ 6,000 ล้านบาท และวันนี้ประเทศชาติยังไม่ได้สูญเสียอะไรจึงเชื่อว่า พวกเราจะกลับมาสร้างความเชื่อมั่นและฟื้นความมั่นใจจากประชาชนได้แน่นอน
ส่วนการเสนอนายกรัฐมนตรีในสถานการณ์ชั่วคราวด้วยเงื่อนไขอะไรต่างๆ นั้น รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ปัจจุบันการเลือกนายกรัฐมนตรีต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ โดยต้องมาจากบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองที่เสนอไว้ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง แม้ว่าจะมีข้อเสนอจากบางคนที่บอกว่าจะเลือกนายกรัฐมนตรีชั่วคราว แม้จะอยู่ในบัญชีของพรรคการเมือง โดยมีการวางเงื่อนไขว่าให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญและยุบสภา ตนคิดว่าดูเป็นการเร่งร้อน และอยู่ในเรื่องการชิงความได้เปรียบทางการเมืองมากเกินไป รัฐบาลมีเวลาอีก 2 ปี ในการนำงบประมาณไปดูแลพี่น้องประชาชนและทำโครงการใหญ่ๆ อีกมาก จึงเชื่อว่า 2 ปี รัฐบาล ยังต้องสร้างความเชื่อมั่นแม้ว่าขณะนี้จะเป็นช่วงเวลาที่นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ในช่วงเวลาไม่กี่เดือน ก็เชื่อว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยในทางที่เป็นคุณกับนายกรัฐมนตรีและขณะดียวกันรัฐมนตรีรักษาการก็มีอำนาจเต็มเหมือนนายกรัฐมนตรี จึงเชื่อว่าไม่มีอะไรสะดุดในการบริหารราชการแผ่นดิน บุคคลและงบประมาณ จึงขอยืนยันในเสถียรภาพของรัฐบาล โดยน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีมีความมุ่งมั่นตั้งใจเพื่อที่จะบริหารงาน และต้องรับผิดชอบ ร่วมกันในฐานะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ที่มาลงเรือลำเดียวกันแล้ว ต้องผลักดันนโยบาย ที่นายกรัฐมนตรีแถลงไว้ต่อรัฐสภาไปสู่การปฏิบัติจริงให้ได้มากที่สุด