โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

กองทัพบกแถลงต่อคณะผู้ช่วยทูตทหาร 23 ประเทศ ชี้แจงข้อเท็จจริงสถานการณ์ขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา

THE STANDARD

อัพเดต 16 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 16 ชั่วโมงที่ผ่านมา • thestandard.co
กองทัพบกแถลงต่อคณะผู้ช่วยทูตทหาร 23 ประเทศ ชี้แจงข้อเท็จจริงสถานการณ์ขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา

ที่มณฑลทหารบกที่ 22 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ กองทัพบก ชี้แจงสถานการณ์ความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อคณะผู้ช่วยทูตทหารจาก 23 ประเทศ พร้อมด้วยเอกอัครราชทูต อุปทูต ผู้แทนทางการทูต และสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศ ก่อนการลงพื้นที่อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อสังเกตการณ์พื้นที่พลเรือนที่ได้รับความเสียหายจากสถานการณ์สู้รบที่เกิดขึ้น

ในการแถลง เจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงการดำเนินงานของกองทัพในการรักษาอธิปไตย ยึดมั่นในหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และย้ำถึงความมุ่งมั่นของกองทัพที่จะแก้ปัญหาด้วยกลไกทวิภาคีที่ไทยและกัมพูชามีอยู่ ด้วยความจริงใจและโดยสันติวิธีมาโดยตลอด

ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาดำเนินการยั่วยุเพื่อสร้างความตึงเครียดด้วยกิจกรรมทางทหารและพลเรือน โดยมีลำดับเหตุการณ์ที่สำคัญ ดังนี้

  • 13 กุมภาพันธ์ 2025 มีการพานักท่องเที่ยวกัมพูชาขึ้นมาร้องเพลงปลุกใจในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม

  • 28 กุมภาพันธ์ 2025 ก่อเหตุเผาศาลาตรีมุข สัญลักษณ์ความร่วมมือในพื้นที่พิพาทรอยต่อ 3 ประเทศคือ ไทย กัมพูชา และ สปป.ลาว

  • มีนาคม-เมษายน 2025 ทหารกัมพูชาดัดแปลงภูมิประเทศแนวชายแดนเพื่อทางการทหาร เสริมความแข็งแรงของที่มั่น ปรับปรุงเส้นทาง และการขยายแนวเขตคูเลตเข้ามาในเขตประเทศไทย

  • เมษายน-พฤษภาคม 2025 ฝ่ายกัมพูชาเคลื่อนย้ายกำลังพลเพิ่มเติม และอาวุธยุทโธปกรณ์ประชิดชายแดนไทย-กัมพูชาเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ตามที่มีหลักฐานการพิสูจน์ทราบ จากการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมของนักวิจัยชาวออสเตรเลีย ต่อมาฝ่ายกัมพูชารุกล้ำเข้ามาในเขตแดนของไทย โดยเข้ามาขุดคูเลตติดต่อ

  • 28 พฤษภาคม 2025 กัมพูชาเริ่มเปิดฉากการยิง (Skirmish) ระหว่างหน่วยในพื้นที่ โดยฝ่ายไทยได้ตอบโต้

เพื่อเป็นการป้องกันตัวบริเวณช่องบก กองทัพและรัฐบาลไทยพยายามใช้การแก้ไขปัญหาผ่านกลไกทวิภาคี ซึ่งไม่เป็นผล

ช่วงเดือนกรกฎาคม 2025 ทหารกัมพูชารุกล้ำเข้ามาลักลอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลหลายพื้นที่ในเขตแดนไทย จนทำให้ทหารไทยลาดตระเวนบาดเจ็บสูญเสียขาจากทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN-2 ถึง 2 ครั้ง ทำให้เกิดการสูญเสีย ขาขาด 2 นาย และมีบางส่วนบาดเจ็บ ซึ่งเป็นการกระทำที่ฝ่ายกัมพูชาจงใจละเมิดหลักมนุษยธรรมอย่างร้ายแรง อีกทั้งเป็นการจงใจละเมิดอนุสัญญาออตตาวา ที่ทั้งไทยและกัมพูชาให้สัตยาบัน

นอกจากนั้น ในพื้นที่ดังกล่าวได้ดำเนินการเก็บกู้วัตถุระเบิดภายใต้ความร่วมมือของนานาชาติ จนมีความปลอดภัยเป็นที่ประจักษ์แล้ว

ในขณะเดียวกันฝ่ายกัมพูชาพยายามแสดงการยั่วยุโดยส่งทหารกัมพูชาทั้งในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบแสดงเป็นพลเรือน ตลอดจนจัดตั้งมวลชนชาวกัมพูชาจากกรุงพนมเปญและใกล้เคียงเข้ามาในพื้นที่ปราสาทตาควาย ปราสาทตาเมือน และพื้นที่อื่นๆ ตามแนวชายแดน เพื่อจัดกิจกรรม ทำคอนเทนต์ แสดงออกในลักษณะยั่วยุนักท่องเที่ยวชาวไทย ประชาชนไทย และทหารไทยในพื้นที่จนเกิดการกระทบกระทั่ง มีความเสี่ยงที่จะเกิดการปะทะกันระหว่างคนไทยและคนกัมพูชาในพื้นที่ปราสาทต่างๆ

กองทัพบกยังชี้แจงมาตรการควบคุมชายแดนและการเปิดฉากยิงของกัมพูชา ที่ปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2025 ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยทหารกัมพูชาใช้ปืนเล็กยาว ปืน และเครื่องยิงลูกระเบิด (Mortar) จนนำไปสู่การปะทะกัน

จากนั้นฝ่ายกัมพูชายกระดับเป็นการใช้กำลังรบและอาวุธยิงสนับสนุน ทั้งปืนใหญ่และใช้จรวดหลายลำกล้อง BM-21 ในการโจมตีฝ่ายไทยตลอดแนวชายแดน โดยจงใจยิงเป้าหมายพลเรือน ซึ่งห่างจากชายแดนในระยะ 10-30 กิโลเมตร ได้แก่

  • โรงพยาบาลพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์
  • ปั๊มน้ำมัน PTT บ้านผือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ
  • ร้านค้าสะดวกซื้อ 7-Eleven บ้านผือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ
  • โรงเรียนในจังหวัดสุรินทร์ และศรีสะเกษ
  • บ้านเรือนราษฎร เช่น หมู่บ้านกรวด บ้านกุดเชียง ในพื้นที่ จังหวัดสุรินทร์, บุรีรัมย์, ศรีสะเกษและอุบลราชธานี

ผลจากการโจมตีเป้าหมายพลเรือนของฝ่ายกัมพูชา ส่งผลให้พลเรือนไทยบาดเจ็บ 36 คน เสียชีวิต 15 คน ซึ่ง 1 ในจำนวนผู้เสียชีวิตเป็นเด็กอายุเพียง 8 ขวบ และมีประชาชนต้องอพยพจำนวนมากกว่า 150,000 คน

ชี้แจงการตอบโต้ของไทย

สำหรับการตอบสนองของประเทศไทย กองทัพบกยืนยันว่า ฝ่ายไทยตอบโต้ภายใต้หลักการแห่งการป้องกันตนเอง (Right of Self-Defense) ตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายระหว่างประเทศ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มาตรา 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ( Article 51 of the UN Charter) ซึ่งระบุว่า “ไม่มีบทบัญญัติใดในกฎบัตรนี้ จะกระทบสิทธิของรัฐในการป้องกันตนเองโดยชอบด้วยกฎหมาย หากมีการโจมตีด้วยอาวุธเกิดขึ้นต่อรัฐนั้น” การตอบโต้ของฝ่ายไทยจึงเป็นการดำเนินการที่ชอบด้วยกฎหมาย และอยู่ภายใต้หลักความจำเป็นและความได้สัดส่วน (Necessity and Proportionality) โดยมีเป้าหมายเพียงเพื่อ ยับยั้งภัยคุกคาม ลดการสูญเสียของพลเรือน และรักษาเสถียรภาพของอธิปไตยแห่งชาติทั้งนี้ฝ่ายไทยมิได้มีเจตนาที่จะรุกรานหรือกระทำการใด ๆ ที่เกินขอบเขตการป้องกันตนเองจากการคุกคามโดยฝ่าย กัมพูชา

ฝ่ายไทยยืนยันว่าได้ทำการโจมตีเป้าหมายทางทหารเท่านั้น ในขณะที่ฝ่ายกัมพูชาใช้การโจมตีแบบไม่เลือกเป้า (Indiscriminate Target) ทำให้เกิดการสูญเสียทางพลเรือนของฝ่ายไทย

นอกจากนี้ที่ตั้งอาวุธยิงสนับสนุนในเขตชุมชนพลเรือน เสมือนเป็นการใช้โล่มนุษย์ ซึ่งฝ่ายไทยไม่ตอบโต้ไปยังเป้าหมายดังกล่าว เพราะถือเป็นการเจตนาละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศและหลักสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงจนไม่สามารถให้อภัยได้ และไม่มีประเทศอารยะใดในโลกที่ยอมรับการกระทำซึ่งไร้มนุษยธรรมในลักษณะดังกล่าว

ภายหลังบรรลุข้อตกลงหยุดยิง ในการเจรจาที่มาเลเซีย เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา พบว่ากัมพูชายังคงดำเนินการทางทหาร โดยช่วงเวลาหลังข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในเวลาเที่ยงคืน พบว่าฝ่ายกัมพูชาได้ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงในพื้นที่ดังต่อไปนี้

  • พื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี
  • พื้นที่ซำแต จังหวัดศรีสะเกษ
  • ผามออีแดง จังหวัดศรีสะเกษ
  • พื้นที่ภูมะเขือ/ช่องอานม้า จังหวัดศรีสะเกษ
  • พื้นที่พลาญยาว จังหวัดศรีสะเกษ
  • ปราสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์

ทั้งนี้ฝ่ายกัมพูชายังละเมิดข้อตกลงหยุดยิง จนถึงวันที่ 30 ก.ค.68 เวลา 05.10 น. และเมื่อวันที่ 31 ก.ค. 68 ตรวจพบทหารกัมพูชาเพิ่มเติมกำลังในพื้นที่ตลอดแนวชายแดนไทยและการใช้อากาศยานไร้คนขับของฝ่ายกัมพูชา บินตรวจการณ์ในพื้นที่ตอนในของฝ่ายไทยอย่างมีนัยสำคัญ

ตอบโต้การบิดเบือนข้อมูล

กัมพูชากล่าวหาว่าไทยรุกรานกัมพูชา และละเมิดกติกาสหประชาชาติ อำนาจอธิปไตย และอาณาเขตรัฐ ซึ่งตามข้อเท็จจริงประเทศไทยเป็นรัฐสมาชิกสหประชาชาติที่เคารพในกฎบัตรสหประชาชาติอย่างเคร่งครัด รวมถึงหลักการไม่ใช้กำลังในการแก้ไขข้อพิพาทระหว่างประเทศ (Article 2 (4) UN Charter)

การปฏิบัติของฝ่ายไทยเป็น การป้องกันตนเองอย่างจำเป็นและได้สัดส่วน (Necessity & Proportionality) ตามสิทธิที่ระบุไว้ใน Article 51 ของกฎบัตรฯ หลังจากฝ่ายกัมพูชา ใช้อาวุธโจมตีด่านทหาร ฝ่ายปกครอง และชุมชนไทยในหลายพื้นที่ ซึ่งมีหลักฐานชัดเจนว่ากำลังฝ่ายกัมพูชาเคลื่อนกำลังเข้ามาในเขตแดนของไทยหลายครั้ง พร้อมใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายของฝ่ายไทยโดยเฉพาะเป้าหมายพลเรือน เช่น โจมตี รพ.พนมดงรัก ซึ่งห่างจากชายแดน เกือบ 10 กิโลเมตร และปั๊มน้ำมันบ้านผือ ที่ห่างจากชายแดน 30 กิโลเมตร

สำหรับการใช้ระเบิดเคมี เป็นคำกล่าวหาที่ร้ายแรงและไร้มูลความจริงโดยสิ้นเชิง ประเทศไทยเป็นภาคีของอนุสัญญาว่าด้วยอาวุธเคมี (Chemical Weapons Convention – CWC) และปฏิบัติตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด ไม่มีหน่วยใดในกองทัพไทยที่ใช้อาวุธเคมีทั้งในแง่ยุทธวิธีหรือยุทธศาสตร์

การกล่าวหาเช่นนี้เข้าข่าย War Propaganda และเป็นความพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อใส่ร้าย

ส่วนกรณีภาพ “ระเบิดเคมี” ที่ฝ่ายกัมพูชาเผยแพร่ โดยรัฐบาลกัมพูชา แท้จริงคือภาพภารกิจการดับไฟป่าในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ปี2022 ซึ่งสามารถดูภาพดังกล่าวได้ผ่านทางสื่อออนไลน์

กรณีที่ไทยใช้เครื่องบิน F-16 และอาวุธหนักจำนวนมากนั้น อาวุธทั้งหมดที่ใช้ในการตอบโต้และมีความเหมาะสมตามสัดส่วน เป็นเพื่อสกัดการรุกล้ำของฝ่ายกัมพูชา และกระทำต่อเป้าหมายทางทหาร บริเวณแนวชายแดน ไม่ใช่การโจมตีเชิงรุก แต่เป็นฝ่ายกัมพูชาต่างหากที่วางกำลังและยิงอาวุธจากพื้นที่พลเรือน ใช้ชุมชนเป็น “โล่มนุษย์” ซึ่งเป็นการละเมิด International Humanitarian Laws อย่างร้ายแรง

กองทัพบกชี้แจงต่อไปว่า ต่อประเด็นไทยทิ้งระเบิด MK-84 ตกใส่บ้านเรือนของประชาชนกัมพูชา ตามคำแถลงของ นายเฮง รัตนา หัวหน้า CMAC ของกัมพูชา มีลักษณะชัดเจนของการ บิดเบือนข้อมูล โดยอ้างภาพเก่าและสร้างการเชื่อมโยงที่ไม่มีมูลความจริง

ฝ่ายไทยขอปฏิเสธข้อกล่าวหาของกัมพูชาอย่างสิ้นเชิง ซึ่งภาพวัตถุระเบิดที่กัมพูชาอ้างว่าเป็น MK-84 นั้น เป็นระเบิดเก่าจากยุคสงครามเวียดนาม และไม่เป็นไปตามหลักทางวิทยาศาสตร์

ทั้งนี้ไทยขอประณามและขอให้กัมพูชาหยุดการกล่าวหาอันเป็นเท็จ เพื่อปลุกปั่นกระแสความเกลียดชัง และขอให้หันมาร่วมมือกับประเทศไทยและประชาคมระหว่างประเทศในการคลี่คลายสถานการณ์ชายแดนอย่างสันติผ่านการเจรจาและความร่วมมือที่ตรงไปตรงมา

ขณะที่ล่าสุด วานนี้ (30 กรกฎาคม) ฝ่ายกัมพูชาเชิญคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ ประจำกัมพูชาไปตรวจพื้นที่การรบห่างจากชายแดน 30 กิโลเมตร แต่ฝ่ายกัมพูชากลับเปลี่ยนแผน พาคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ ประจำกัมพูชา ไปพื้นที่ช่องอานม้า ซึ่งเป็นพื้นที่การสู้รบ ยังมีความเสี่ยงต่ออันตราย

กองทัพบกกล่าวสรุปช่วงท้าย เน้นย้ำว่า การปะทะระหว่างไทย กับกัมพูชานั้น ฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้เริ่มยิงก่อน โดยอาวุธระยะไกลยิงต่อ เป้าหมายพลเรือน และทำให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินเสียหายของพลเรือนที่ยอมรับไม่ได้ทั้งนี้ หลังจากที่มีการเจรจาตกลงหยุดยิงแล้วแต่ ฝ่ายกัมพูชายังละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างต่อเนื่อง

ยิ่งไปกว่านั้น กัมพูชาได้เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารบิดเบือนข้อมูลอย่างเป็นระบบ ซึ่งไทยขอให้ประชาคมระหว่างประเทศ ร่วมติดตามสถานการณ์ด้วยความเข้าใจ และร่วมกันผลักดันให้มีการเจรจาทวิภาคี เพื่อแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก THE STANDARD

Fujii Kaze เปิดตัวซิงเกิลใหม่ Love Like This จากอัลบั้มภาษาอังกฤษชุดแรก Prema

10 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วัฒน์ศรี ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา Managing Director ของ Louis Vuitton เตรียมขึ้นเวที 7 Things We Love About x The Secret Sauce Summit 2025

11 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ประมวลภาพ ย้อนไปในค่ำคืนเสียงสงคราม อำเภอกันทรลักษ์

11 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ศบ.ทก. แถลงผลนำคณะทูตลงพื้นที่ ‘เห็นใจ’ ฝ่ายไทย เห็นความโหดร้ายจากการโจมตีของกัมพูชา เชื่อผลตอบรับเป็นบวก

11 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

เหตุการณ์ ไทย-กัมพูชา สงบ ไม่มีเหตุปะทะ (2ส.ค.68)

TOJO NEWS

สุดสลด! แก๊งเด็กแว้น ซิ่งจยย.ชนกันเอง 5 คัน ดับ2เจ็บ3 รถ-คน เกลื่อนถนน

เดลินิวส์

ทั่วไทยฝนน้อย อ่าวไทย-อันดามัน คลื่นสูงในพื้นที่มีฝนฟ้าคะนอง

Thai PBS

ด่วน!'กองทัพภาคที่ 2' ประกาศยกระดับ รับมือภัยคุกคาม พบบินตรวจตั้งทหาร

คมชัดลึกออนไลน์

พณ. ถกภาคเอกชน ร่งทำแผนรับมือผลกระทบภาษีทรัมป์

สำนักข่าวไทย Online

อุทาหรณ์! เครื่องเล่นรถไฟโยกมรณะ ชนนักเรียนหญิง ป.3 ตับฉีกเสียชีวิต

สยามนิวส์

สภาพอากาศวันนี้ กรมอุตุฯ เปิดชื่อ 28 จังหวัด เจอฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ30

Khaosod

ทั่วไทยฝนน้อยต่อเนื่อง เตือนเรือเล็กระวังคลื่นสูงเกิน 2 เมตรในบางพื้นที่

The Better

ข่าวและบทความยอดนิยม

ประมวลภาพ ทูต-ทูตทหาร-สื่อนานาชาติ ลงพื้นที่พิสูจน์ความเสียหายชายแดนไทย-กัมพูชา

THE STANDARD

ไทยส่งมอบทหารกัมพูชา 2 นาย ที่ได้รับบาดเจ็บและมีอาการทางจิตจากเหตุสู้รบชายแดนกลับประเทศ ตามหลักมนุษยธรรม

THE STANDARD

กลุ่ม ‘รวมพลังแผ่นดิน’ มอบของบริจาคกองทัพบก ปลุกทหารยึดดินแดนคืนจากกัมพูชา

THE STANDARD
ดูเพิ่ม
Loading...