โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สังคม

รัฐบาล เจรจาภาษีสหรัฐฯ ต่อ สรุปรายสินค้านำเข้า 0% ก่อนชงเข้าสภา

ฐานเศรษฐกิจ

อัพเดต 22 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 16 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วันนี้ (1 สิงหาคม 2568) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษว่า ที่ประชุมเห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมไทย-สหรัฐฯ เพื่อใช้ดำเนินการเกี่ยวกับข้อตกลงภาษีทางการค้ากับรัฐบาลสหรัฐฯ หลังจากทางประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศอัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) สินค้าของไทยในอัตรา 19%

สำหรับขั้นตอนต่อจากนี้ รัฐบาลจะเร่งลงรายละเอียดรายสินค้า โดยเฉพาะรายการสินค้าที่ไทยจะเรียกเก็บภาษีกับสหรัฐฯ ในอัตรา 0% ซึ่งมีอยู่หลายรายการ ซึ่งบางรายการจะได้รับภาษี 0% ทันที แต่บางรายการจะขอเวลาในการปรับตัวให้มีความพร้อมก่อน รวมทั้งบางรายการที่จำเป็นต้องกำหนดโควตา คาดว่า รายละเอียดทั้งหมดนี้ จะใช้เวลานานกว่า 1 เดือน จึงจะได้ข้อสรุป และมีผลบังคับใช้ โดยรายละเอียดทั้งหมดจะเสนอเข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณาของรัฐสภาด้วย

นายพิชัย กล่าวว่า ข้อเสนอของไทยที่ได้ยื่นไปยังสหรัฐฯ ก่อนที่จะมีการประกาศอัตราภาษีนำเข้าที่ 19% เป็นข้อตกลงที่ยังไม่มีข้อผูกพันตามกฎหมาย เป็นเพียงหลักการใหญ่ที่ได้ตกลงกันไว้เบื้องต้นในชั้นการเจรจา ซึ่งจะต้องมีการลงรายละเอียดออกมาเป็นรายสัญญาทุก ๆ เรื่อง ดังนั้น รัฐบาลได้จึงนำข้อเสนอทั้งหมดมารายงานต่อที่ประชุม ครม.นัดพิเศษ ครั้งนี้ และจัดทำเป็นร่างถ้อยแถลงร่วมไทย-สหรัฐฯ ซึ่งที่ประชุมครม.ได้มีมติเห็นชอบแล้ว

"หลังจากครม.เห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมไทย-สหรัฐฯ แล้ว สิ่งเป็นข้อกลงเบื้องต้นคงมีการเผยแพร่จากทางสหรัฐฯ โดยจะนำข้อตกลงทั้งหมดมาเจรจา เพื่อนำไปสู่การทำเป็นสัญญาในระยะต่อไป เพราะตอนนี้ถือเป็นขั้นตอนครั้งที่ 1 ที่จะต้องลงรายละเอียดในเร็ววัน เพราะสหรัฐฯ ได้แจ้งมาว่าทันทีที่เสร็จเรื่องนี้ก็อยากหารือต่อทันที" นายพิชัย กล่าว

นายพิชัย กล่าวว่า ในรายละเอียดของการเจรจาเรื่องต่าง ๆ เช่น การซื้อสินค้าจากสหรัฐฯ จะมีกติการ่วมกันอย่างไร เช่นเดียวกับกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า (Rule of Origin) จะต้องมาตกลงกันอีกครั้งว่าจะมีแนวทางอย่างไรด้วย

ขณะที่แนวทางการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภาษีสหรัฐฯ นั้น นายพิชัย ยอมรับว่า รัฐบาลได้จัดเตรียมมาตรการรองรับแล้วตามความเป็นที่เกิดขึ้นของลักษณะธุรกิจ ส่วนแหล่งเงินที่จะนำมาใช้ช่วยเหลือหลัก ๆ ทั้งการจัดหาสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft loan) เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนชั่วคราวสำหรับการส่งออก

อีกส่วนคือผ่านกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อแก้ไขปัญหาระยะยาวล่าสุดรัฐบาลอยู่ระหว่างการหารือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และหอการค้าไทย เพื่อพิจารณาแนวทางช่วยเหลือเป็นรายกลุ่ม หรือเป็นประเภทธุรกิจด้วย

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า ในการประชุมครั้งนี้ มีการหารืออย่างกว้างขวางเกี่ยวกับรายละเอียดของสินค้าที่สหรัฐฯ จะได้สิทธิภาษี 0% ซึ่งมีอยู่หลายรายการที่เสนอเข้ามาอยู่ภายใต้ร่างถ้อยแถลงร่วมไทย-สหรัฐฯ โดยเฉพาะสินค้าเกษตร ซึ่งได้มีการสิบถามในที่ประชุมว่าเป็นอย่างไร ไทยจะกระทบมากน้อยแค่ไหน ซึ่งรายละเอียดทั้งหมด รองนายกฯ พิชัย รับว่าจะไปหารือให้ได้ข้อสรุปโดยเร็ว

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ฐานเศรษฐกิจ

กระทรวงอุตฯปั๊มเศรษฐกิจ 300 ล้าน ดันสินค้าไทยเสิร์ฟใจกลางขนส่ง

28 นาทีที่แล้ว

ไทยเที่ยวไทยครึ่งแรกปี 2568 โต 2.49% หยุดยาววันแม่กระตุ้นเที่ยวในประเทศคึกคัก

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เปิดเงื่อนไข ธ.ก.ส.เยียวยาลูกหนี้ โดนผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชา

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

สอบก.พ.68 ภาค ก.วันที่ 3 ส.ค.68 ต้องเตรียมตัวอย่างไร เช็กเลย

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความสังคมอื่นๆ

กระทรวงอุตฯปั๊มเศรษฐกิจ 300 ล้าน ดันสินค้าไทยเสิร์ฟใจกลางขนส่ง

ฐานเศรษฐกิจ

จอนนี่ มือปราบ อัดคลิป กราบขอโทษ ที่ก้าวล่วง นายกฯ อิ๊งค์ พร้อมหอบพาน มาลัย ขอความเห็นใจ บิ๊กเต่า ด้าน ตร.จ่อแจ้งข้อหาเมียรุกป่า ยึดรีสอร์ต

สยามนิวส์

พยากรณ์อากาศประจำวันที่ 2 สิงหาคม 2568 กรุงเทพและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่

สวพ.FM91

เงินเดือนข้าราชการ 68 เดือนสิงหาคม กรมบัญชีกลาง โอนรอบแรกวันไหน

ฐานเศรษฐกิจ

24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 1 สิงหาคม 2568

สวพ.FM91

สรุปแบงก์เยียวยา ประชาชน - SMEs สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา

ฐานเศรษฐกิจ

ค้านของบรัฐ เพิ่ม 800 ล้านเคลียร์สต๊อกนม ร.ร.100 ล้านกล่อง

ฐานเศรษฐกิจ

ราคาน้ำมันวันนี้2568 (2 ส.ค. 68) ปตท. บางจาก อัปเดตราคาล่าสุด

ฐานเศรษฐกิจ

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...