หุ้น THAI ทะยานต่อ 3 วันติด พุ่งกระฉูด 328% นักลงทุนเชื่อมั่น พื้นฐานดี กำไรแกร่ง
ความเคลื่อนไหว"ตลาดหุ้นไทย"ภาคเช้า ณ วันที่ 6 ส.ค.2568 เวลา 10.40 น. หุ้นไทย THAI หรือบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) บวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 หลังจากหวนเข้าเทรดวันแรกเมื่อวันที่ 4 ส.ค.2568 โดยวันนี้ราคาพุ่งขึ้นไป 19.17 บาท เพิ่มขึ้น 2.30 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 14.30 บาท ราคาเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนที่ 4.48 บาทต่อหุ้น บวกไป แล้วกว่า 14.69 บาท หรือเพิ่มขึ้น 327.90%
สุวัฒน์ สินสาฎก กรรมการผู้จัดการ บล.โกลเบล็ก ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า หุ้น THAI ยังคงสร้างความน่าสนใจในตลาดหลักทรัพย์ราคาบวกขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการบวกขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งหาก THAI สามารถยืนเหนือระดับ 10 บาทได้ นั่นหมายความว่านักลงทุนต่างชาติจะมองว่าบริษัทมีสถานะอย่างน้อยก็เทียบเท่ากับ สายการบิน All Nippon Airways หรือ ANAและปัจจุบันนักลงทุนเริ่มมองว่า การบินไทยอาจจะขยับเข้าใกล้ระดับของสิงคโปร์แอร์ไลน์ หากเป็นไปได้ถึงระดับนั้น ราคาหุ้นอาจไปได้ถึง 15-17 บาท
ทั้งนี้ การประเมินมูลค่า หรือ Valuation และการเปรียบเทียบ ปัจจุบันราคาหุ้นการบินไทยมีค่า P/E อยู่ที่ประมาณ 12-13 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับสายการบินชั้นนำระดับโลกอย่าง สายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ (Singapore Airlines) เทรดอยู่ที่ PE 17 เท่า , ANA (All Nippon Airways) เทรดอยู่ที่ประมาณ 11 เท่า และ JAL (Japan Airlines) เทรดอยู่ที่ประมาณ 7 เท่า
ทั้งนี้ ปัจจัยที่สร้างความเชื่อมั่นและโอกาสการเติบโต THAI ในปัจจุบันถือเป็น บริษัทที่มีพื้นฐานดีจริง ๆ และมีโอกาสเติบโตที่ดีและแน่นอนซึ่งที่ผ่านมาการบินไทยถูกบังคับให้ถอนสถานะการเป็นรัฐวิสาหกิจออกไปตั้งแต่ตอนเข้าสู่แผนฟื้นฟู ทำให้ปัจจุบันไม่ได้เป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป ซึ่งช่วยลดปัญหาการแทรกแซงจากภาครัฐที่เคยเกิดขึ้น
และบริษัทมีการปรับโครงสร้างธุรกิจมาอย่างดี โดยเฉพาะโครงสร้างต้นทุนที่ดี เครื่องบินเหมาะสม และเส้นทางที่เอื้อต่อการทำกำไร คาดว่าบริษัทจะสามารถทำกำไรเติบโตได้อย่างน้อย 10-20% ต่อปี ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรพิจารณาว่า หากเชื่อว่าการบินไทยจะเป็นสายการบินระดับพรีเมียมที่ใกล้เคียงกับสิงคโปร์แอร์ไลน์ที่สามารถทำกำไรและมีมาร์จิ้นในระดับที่ดีอย่างที่กล่าวมา ก็สามารถพิจารณาเข้าลงทุนได้ เพราะราคานี้ยังถือว่ามีโอกาสไปต่อ แต่หากไม่เชื่อ ก็ไม่ควรซื้อ เพราะอาจจะกลายเป็นแพงได้ แต่ส่วนตัวเชื่อว่าความเป็นไปได้ในการเป็นสายการบินพรีเมียมนั้นมีสูง
สำหรับปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการปรับโครงสร้างธุรกิจใน 3-4 ประเด็นหลักที่จำเป็นสำหรับธุรกิจสายการบิน ได้แก่ 1.การจัดซื้อเครื่องบินให้ถูกรุ่นและเหมาะสม ซึ่งในอดีตเคยเป็นปัญหาจากการแทรกแซง 2.การวางเครื่องบินให้ถูกเส้นทาง เพื่อสร้างผลกำไรสูงสุด และ 3.การทำโครงสร้างต้นทุนให้ถูกต้อง ซึ่งปัจจุบันการบินไทยได้ดำเนินการครบถ้วนทั้งสามข้อนี้แล้ว นี่คือเหตุผลว่าทำไมบริษัทถึงมีกำไรได้ ปีที่แล้วมีกำไรถึง 25,000 ล้านบาท และปีนี้น่าจะเกินกว่านั้น
ส่วนความเสี่ยงเดียวที่ต้องเฝ้าระวัง แม้ภาพรวมธุรกิจจะดีขึ้นมาก แต่ความเสี่ยงเพียงประการเดียวที่อาจจะยังไม่เกิดขึ้น แต่ต้องจับตาคือ เรื่องของการแทรกแซงจากภาครัฐ ซึ่งเคยเป็นปัญหาในอดีต อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่การบินไทยกลับเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ รัฐบาลยังไม่เคยเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้ความมั่นใจของนักลงทุนเพิ่มขึ้น ประกอบกับตลาดโดยรวมที่ดี ก็เป็นส่วนช่วยสนับสนุน