BEM จ่อรับขบวนรถปีหน้า เตรียมเปิดบริการ 'รถไฟฟ้าสายสีส้ม'
นายสมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม โดยระบุว่า ภาพรวมการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม งานโยธาส่วนตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ระยะทาง 22.5 กิโลเมตร ปัจจุบันก่อสร้างเสร็จแล้ว อยู่ระหว่างรอติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ
ขณะที่ส่วนตะวันตก ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ระยะทาง 13.4 กิโลเมตร มีความคืบหน้า 10% เป็นไปตามแผนงาน ส่วนขบวนรถไฟฟ้า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการผลิต มีกำหนดจะทยอยมาถึงประเทศไทยในปี 2569 ซึ่งการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) มีเป้าหมายจะทยอยเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ในปลายปี 2570 และเปิดบริการตลอดแนวเส้นทางช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ภายในปี 2573
“BEM เชื่อมั่นว่าธุรกิจของบริษัทปัจจุบันเน้นความยั่งยืนมาก ทั้งการบริหารงาน และการเติบโต ยกตัวอย่างรถไฟฟ้าทั้ง 3 สัญญาสัมปทาน สายสีน้ำเงินที่เป็นเส้นทางวงกลมรอบกรุงเทพฯ เพียงสายเดียว ที่ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าสายอื่น รถเมล์ รถยนต์อย่างไรก็ต้องไปเจอสายสีน้ำเงิน สายนี้กำลังกลายเป็น S-Curve ที่ใหญ่ขึ้น หลังจากถึงจุดคุ้มทุน (Break Even Point) และได้รับการต่อสัญญาสัมปทานขยายเวลาไปถึงปี 2593”
นอกจากนี้รถไฟฟ้าสายสีม่วง ที่ BEM เป็นผู้รับจ้างเดินรถนั้น หากได้เป็นผู้เดินรถต่อเนื่องตลอดทั้งสายก็จะกลายเป็น S-Curve ที่ใหญ่ขึ้นเช่นเดียวกัน เช่นเดียวกับรถไฟฟ้าสายสีส้มยังต้องใช้เวลาหลังจากเปิดให้บริการอีกประมาณ 5-6 ปี จึงจะถึงจุดคุ้มทุน ทั้งหมดเป็นภาพการเติบโตของธุรกิจที่ยั่งยืน
นายสมบัติ กล่าวด้วยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2/2568 ภาพรวมของสภาพเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกยังคงผันผวน ส่งผลให้ปริมาณนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทยลดลง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ประกอบกับรูปแบบการเดินทาง และตัวเลือกของเส้นทางเดินทางของผู้ใช้บริการมีมากขึ้น ส่งผลให้รายได้จากการให้บริการในภาพรวมทรงตัว
โดยรายได้จากสามธุรกิจหลักในไตรมาสสองนี้ มีจำนวน 3,997 ล้านบาท กำไรสุทธิ 993 ล้านบาทใกล้เคียงกับปีก่อน เฉพาะส่วนของรายได้จากธุรกิจระบบราง มีจำนวน 1,623 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจำนวน 20 ล้านบาท มีปริมาณผู้ใช้บริการเฉลี่ย 385,800 เที่ยวต่อวัน และในวันทำการเฉลี่ยอยู่ที่ 456,400 เที่ยวต่อวัน
ส่วนรายได้จากธุรกิจทางพิเศษ มีจำนวน 2,084 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จำนวน 30 ล้านบาท ในภาพรวมมีปริมาณรถที่ใช้ในทางพิเศษ เฉลี่ยอยู่ที่ 1.08 ล้านเที่ยวต่อวัน ปรับตัวลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันที่เฉลี่ยอยู่ที่ 1.10 ล้านเที่ยวต่อวัน และส่วนรายได้จากธุรกิจพัฒนาเชิงพาณิชย์ มีจำนวน 290 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อน
พิสูจน์อักษร….สุรีย์ ศิลาวงษ์