‘7 หอค้าชายแดน’ จี้แก้ปิดด่าน หาตลาดใหม่-ผ่อนผันแรงงาน
7 หอการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ชงข้อเสนอรัฐเร่งสางปัญหา ระบุภาคธุรกิจย่ำแย่ โดยเฉพาะกลุ่มรายย่อยให้เร่งเยียวยา หาเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ จัดกิจกรรมกระตุ้นท่องเที่ยว หาตลาดใหม่ชดเชย เผยยังมีปัญหาแรงงานเกษตรตาม ม.64 ขอผ่อนผันขยายเวลา ด้านตราดกุมขมับต้องขนส่งทางน้ำที่แหลมฉบังทำค่าใช้จ่ายเพิ่มสูง ชี้กระทบถึงสินค้าที่จะไปเวียดนามสปป.ลาวด้วย
หอค้า 7 จว.ชายแดนถกแก้
นายวรทัศน์ ตันติมงคลสุข ประธานสภาธุรกิจไทย-กัมพูชา กล่าวว่า ทางสภาธุรกิจไทย-กัมพูชา ประชุมร่วมกับหอการค้า 7 จังหวัดที่มีพรมแดนติดกับประเทศกัมพูชา หารือกันถึงการปิดด่านที่มีผลกระทบต่อการค้าชายแดน ประเมินมูลค่าความเสียหาย และหารือกันถึงมาตรการที่จะให้รัฐบาลดำเนินการช่วยเหลือเยียวยา เพื่อหาข้อสรุปนำเสนอนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ที่ได้ให้แต่ละองค์กรไปหาข้อสรุปมานำเสนอรัฐบาลโดยเร็ว
ทั้งนี้ ที่ประชุมประเมินมูลค่าความเสียหายประมาณ 500 ล้านบาทต่อวัน ส่วนมาตรการเยียวยาที่เตรียมนำเสนอ เช่น 1.การจัดหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) ระยะเวลา 3-5 ปี 2.จัดหาตลาดใหม่แทนกัมพูชา 3.จัดกิจกรรมกระตุ้นรายได้ใน 7 จังหวัด เช่น การสัมมนาของหน่วยงานภาครัฐ เพราะโรงแรมถูกยกเลิกคนไม่เดินทางมา 4.การเยียวยาธุรกิจโรงพยาบาลที่ได้รับผลกระทบจากการปิดด่าน ทำให้ไม่มีลูกค้าชาวกัมพูชาเข้ามาใช้บริการ ฯลฯ
จันทบุรีวอนรัฐช่วยรายย่อย
ความคืบหน้าสถานการณ์การค้าและความตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชา นายอุกฤษณ์ วงษ์ทองสาลี ประธานหอการค้าจังหวัดจันทบุรี กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การควบคุมการเข้า-ออก จุดผ่านแดนถาวร จุดผ่อนปรนทางการค้า การส่งสินค้าออกไม่ได้ ธุรกิจใหญ่และธุรกิจรายย่อยได้รับผลกระทบทั้งหมด ในส่วนธุรกิจใหญ่สามารถหาแนวทางออก และปรับตัวอยู่แล้วส่วนหนึ่ง
ที่น่าเป็นห่วง คือ กิจการรากหญ้ารายย่อยที่รับจ้างประกอบการค้าขายเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามแนวชายแดน รถเข็น รถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ลูกจ้างที่ทำงานรับจ้างรายวัน ที่ไม่มีรายได้เลย ซึ่งภาครัฐควรเร่งหามาตรการให้ความช่วยเหลือเยียวยา เพราะภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันไม่ดีอยู่แล้ว เช่น การหาตลาดบริโภคภายในประเทศ วิธีการที่ให้ผู้ประกอบการรายย่อย ผู้ใช้แรงงานรายเล็ก ๆ อยู่รอด เช่น การลดเครดิตเทอม การหยุดชำระค่าเช่า จัดให้มีมาตรการให้ความช่วยเหลือเยียวยา
จี้เร่งแก้ปัญหาแรงงาน ม.64
นางดวงใจ จันทร ที่ปรึกษาคณะกรรมการค้าชายแดน สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เสนอปัญหาแรงงานตาม ม.64 และแนวทางแก้ไขอย่างชัดเจน น่าจะเป็นโมเดลให้จังหวัดชายแดนได้ คือ 1.ผ่อนผันหรือขยายเวลาการอนุญาตทำงานสำหรับแรงงานต่างด้าวตามมาตรา 64 ที่ไม่สามารถเดินทางกลับประเทศของตนเองได้ 2.พิจารณาออกใบอนุญาตทำงานชั่วคราวหรือมาตรการเฉพาะกิจ เพื่อให้แรงงานสามารถอยู่และทำงานต่อในไทยได้ถูกต้องตามกฎหมาย 3.จัดทำแนวทางปฏิบัติเพื่อให้รองรับสถานการณ์ได้อย่างเป็นระบบ และ 4.พิจารณาหาแนวทางนำแรงงานสัญชาติอื่น ๆ เช่น เมียนมา ลาว มาเก็บผลผลิตแทนแรงงานกัมพูชา
“ขึ้นอยู่กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเร่งดำเนินการ เพราะภาคเกษตรยังต้องการแรงงานเก็บผลผลิตอยู่ ส่วนเรื่องสินค้าไทยส่งไปในกัมพูชาไม่ได้นั้น กลัวว่าเมื่อสินค้าไทยไม่มีขายในกัมพูชา ต้องหาสินค้าจีน เวียดนามทดแทน ถ้าเปิดด่านจะเอาตลาดสินค้าไทยคืนมาต้องใช้เวลา ปัญหาดังกล่าวต้องรีบเสนอมาตรการต่าง ๆ ให้รัฐบาลแก้ไข” นางดวงใจกล่าว
ตราดเสียหาย 80 ล้านบาท/วัน
ทพญ.วิภา สุเนตร ประธานหอการค้าจังหวัดตราด กล่าวว่า ปัญหาหลักที่ควรเร่งแก้ไขในระยะสั้น 3 ข้อ คือ 1.มูลค่าการค้าที่หายไป ผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ขนส่งสินค้า และผู้ประกอบการรายย่อยแนวชายแดนที่รายได้เป็น 0% ภาครัฐต้องมีมาตรการเยียวยาโดยเร็วให้มีรายได้
2.ปัญหากัมพูชาที่ได้รับอนุญาตเข้ามาทำงานตามฤดูกาล ม.64 ต้องกลับไปประทับตราที่ฝั่งกัมพูชา หากเลยกำหนดจะถูกปรับหรือออกไปประทับตราแล้วกลับมาไม่ได้ ขอให้รัฐบาลไทยมีมาตรการแก้ไขแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนจากข้อเสนอของจังหวัดจันทบุรี ตอนนี้แม้ว่าผลผลิตเกษตรจะเหลือเพียง 10% แต่เป็นช่วงเร่งเก็บให้หมด ถ้าแรงงานหายไป 50% ผลผลิตจะเสียหาย และ 3.ด้านการท่องเที่ยว ทำให้นักท่องเที่ยวขาดความเชื่อมั่นที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวจังหวัดตราด เป็นการเสียโอกาสอย่างมาก
กังวลค่าขนส่งเพิ่ม-ไม่คุ้มค่า
จากมูลค่าการค้าชายแดน ปี 2567 จ.ตราดมีมูลค่าการค้ารวม 30,000 ล้านบาท แบ่งเป็นส่งออก 26,000 ล้านบาท และนำเข้า 4,000 ล้านบาท ช่วงปิดด่าน ประเมินว่าช่วงที่ห้ามสินค้านำเข้าส่งออกตามคำสั่ง กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ลงวันที่ 23 มิถุนายน 2568 ได้รับความเสียหายประมาณวันละ 80 ล้านบาท ก่อนปิดมีรถขนส่งตกค้าง 50-60 คัน และมีรถบรรทุกเล็ก ๆ อีก 10 กว่าคัน ต่อมาด้านขนส่งทางน้ำเริ่มมีผลกระทบ
“เฉพาะค่าขนส่งสินค้าไป-กลับจากแหลมฉบัง-ชายแดน คันละ 20,000-30,000 บาท และตู้สินค้าเป็นสินค้าอยู่ระหว่างการขนส่ง (In Transit Shipment) ต้องเปิดตู้ปลายทางฝั่งกัมพูชาเท่านั้น หากต้องนำสินค้าไปเก็บไว้ทั้งตู้ต้องเสียค่าเช่าตู้รายวัน 2,000-4,000 บาท/วัน โดยที่ยังไม่มีกำหนดเปิดด่านให้นำสินค้าเข้าไปได้ ถ้าส่งออกต้องเสียค่าขนส่งอีกครั้ง”
ทพญ.วิภากล่าวอีกว่า ตอนนี้ผู้ประกอบการท้องถิ่นที่ส่งออกสินค้าไม่ได้ ทั้งที่ไปกัมพูชา และมีที่ส่งไปตลาดเวียดนาม มีสินค้าค้างสต๊อกในโกดังจำนวนมาก จำเป็นต้องหาทางระบายออก ผู้ประกอบการบางรายพยายามดิ้นรนหาเส้นทางขนส่งสินค้าผ่านทาง สปป.ลาว เพราะไม่มั่นใจว่าจะปิดด่านอีกนานแค่ไหน คือ ยังไม่มีความชัดเจน
สุรินทร์จี้ขอตลาดระบายสินค้า
นายวิรัตน์ เศรษฐวิพัฒนชัย ประธานหอการค้าจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า การปิดด่านกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนักสุด คือ ผู้ค้ารายย่อยบริเวณชายแดน เนื่องจากรายได้เป็นศูนย์ มีสัดส่วนผู้ค้า 20% ต่อมากลุ่มธุรกิจผู้นำเข้า-ส่งออกมีสัดส่วน 40% ที่ยอดขายลดลง แต่ยังมีความสามารถปรับตัวได้ทัน ในขณะที่กลุ่มแรงงานบางส่วนที่มีบัตรอายุการทำงาน 30 วัน ต้องเข้าไปต่อใบอนุญาตที่กัมพูชา โดยมีความกังวลว่าหากข้ามแดนไปแล้วจะไม่สามารถกลับมาฝั่งไทยได้
หอการค้าจังหวัดได้เสนอมาตรการเยียวยาต่อรัฐบาล ได้แก่ 1.เร่งการจัดหาพื้นที่ตลาดสินค้าในตัวเมืองให้กับกลุ่มผู้ค้ารายย่อย 2.การหาแนวทางผ่อนปรนชำระค่างวดรถที่ไม่ใช่การพักชำระให้กับกลุ่มรับจ้างคนขนส่ง เพื่อไม่เป็นการสร้างภาระหลังสถานการณ์ยุติ
สระแก้ววอนเปิดด่าน
นายบำรุง ล้อเจริญวัฒนะชัย ประธานหอการค้าจังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า นับตั้งแต่มีการปิดด่านเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน สร้างความเสียหายให้กับภาคธุรกิจเป็นอย่างมาก จากการค้าชายแดนมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาทต่อเดือน ปัจจุบันเหลือเป็น 0 บาท
หอการค้าจังหวัดเสนอเปิด-ปิดด่าน จำนวน 4-6 ชั่วโมง/วัน มากกว่าการปิดพรมแดน เพราะนอกจากการปราบปรามปัญหาอาชญากรรมออนไลน์แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ลดจำนวนแล้ว ยังคงมีผู้ประกอบการไทยและพนักงานลูกจ้างคนไทยอีกหลายร้อยรายที่ได้รับผลกระทบโดยตรง จึงอยากฝากให้ทางรัฐบาลได้ร่วมพูดคุยกับฝ่ายความมั่นคง เพื่อให้มีการเปิดด่าน โดยกระชับเวลาหรือจำกัดเวลา ให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ‘7 หอค้าชายแดน’ จี้แก้ปิดด่าน หาตลาดใหม่-ผ่อนผันแรงงาน
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net