เกิดอะไรขึ้น? จับ "ประธานบริษัทหญิง" รวยล้นฟ้า แต่มีนิสัยชอบขโมย ไข่ไก่ก็ยังเอา!
เว็บไซต์ nypost รายงานข่าว เจ้าของบริษัทคอนเซียร์จหรูในนิวยอร์ก ถูกจับฐานลักทรัพย์ซ้ำซาก แม้มีทรัพย์สินมูลค่าร้อยล้าน
แม้จะมีชีวิตที่หรูหราและร่ำรวยเกินใคร แต่"เจนีน โรนิก" วัย 52 ปี กลับตกเป็นข่าวอื้อฉาวหลังถูกจับในข้อหาลักทรัพย์จากร้านค้าหลายแห่ง ทั้งที่เธอเป็นเจ้าของบริษัทคอนเซียร์จชื่อดัง Luxury Attache ซึ่งตั้งอยู่บนถนนฟิฟธ์ อเวนิว ใจกลางเกาะแมนฮัตตัน นิวยอร์ก
บริษัทของเธอให้บริการอำนวยความสะดวกแบบครบวงจรแก่ลูกค้าระดับไฮเอนด์ ทั้งจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรม ร้านอาหาร ไปจนถึงจัดส่งของขวัญและวางแผนการเดินทาง ลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทนี้มีทั้ง Dior, Cartier, Nike และ UPS
ด้วยความสำเร็จระดับนั้น โรนิก จึงอาศัยอยู่ในคฤหาสน์สุดหรูที่มี 7 ห้องนอน มูลค่าสูงถึง 7 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 227 ล้านบาท) แต่แม้จะมีชีวิตที่ใครหลายคนใฝ่ฝัน เธอกลับมีพฤติกรรมที่ไม่คาดคิด นั่นคือ ชอบลักขโมยของตามร้านค้า
เหตุการณ์ล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา เมื่อ โรนิก เข้าไปขโมยแซลมอนสเต็ก มูลค่า 74 ดอลลาร์ และเนื้อปลาฟลุ๊ค 67 ดอลลาร์ จากร้าน Red Horse Market ในหมู่บ้านอีสต์แฮมป์ตัน รัฐนิวยอร์ก พร้อมแซนด์วิชอีก 2 ชิ้น โดยนำของทั้งหมดไปเก็บไว้ในรถกระบะไฟฟ้า Ford F-150 ก่อนจะกลับเข้าไปในร้านอีกรอบเพื่อขโมยสเต็กเนื้อราคา 100 ดอลลาร์ แต่คราวนี้พนักงานเห็นพฤติกรรมของเธอเข้าและแจ้งตำรวจทันที ทำให้เธอถูกจับในข้อหาลักทรัพย์
ตำรวจเผยว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอกระทำการเช่นนี้ ปีที่ผ่านมาเธอเคยถูกกล่าวหาว่าขโมยไข่ไก่จากร้านค้าในพื้นที่เดียวกันหลายครั้ง และเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก็ถูกจับได้ว่าขโมยกระดาษชำระ ยาอม และน้ำยาล้างจานจากร้าน CVS
นอกจากนี้ในเดือนเมษายน เธอยังขโมยไข่ไก่จากร้านค้าริมทางแห่งหนึ่งที่ใช้ระบบ "เชื่อใจ" ให้ลูกค้าจ่ายเงินเองในกล่องเงินสด แต่เธอกลับหยิบไข่ขึ้นรถพอร์ชไปโดยไม่จ่ายเงินแม้แต่แดงเดียว โชคดีที่ร้านมีกล้องวงจรปิด เจ้าของร้านจึงแจ้งตำรวจ แม้จะไม่ได้ประสงค์จะเอาผิด เพียงแค่ต้องการให้เธอจ่ายค่าไข่ 30 ดอลลาร์ (ประมาณ 900 บาท) เท่านั้น
เมื่อเจ้าหน้าที่ไปที่บ้านของ โรนิก สามีของเธอเป็นคนเปิดประตูและจ่ายเงินให้ทันที โดยไม่ได้ปฏิเสธสิ่งใด ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะทราบดีถึงพฤติกรรมของภรรยา
ในเวลาต่อมา โรนิก ได้ให้สัมภาษณ์กับ New York Post โดยอ้างว่าการที่เธอไม่จ่ายเงินในครั้งล่าสุดนั้น เป็นเพราะระบบ Apple Pay ของร้านมีปัญหา พร้อมยืนยันว่า"เป็นเพียงความเข้าใจผิดและได้รับการแก้ไขในวันถัดไปแล้ว"
ส่วนกรณีอื่นๆ ทั้งที่ ซูเปอร์มาร์เกตและกรณีไข่ไก่ เธอก็ยืนยันว่า "เป็นความเข้าใจผิดเช่นกัน" และปฏิเสธว่าเธอไม่ได้มีพฤติกรรมขโมยอย่างเป็นระบบตามที่ตำรวจกล่าวอ้าง พร้อมขึ้นศาลเพื่อสู้คดีต่อไป