คปภ. จี้บริษัทประกัน จ่ายค่าสินไหมทดแทนของเจ้าของปั๊มพีทีที สเตชั่น รวมถึงผู้ได้รับความเสียหายและเสียชีวิต
คปภ. จี้บริษัทประกัน เร่งพิจารณาจ่ายค่าสินไหมทดแทนของเจ้าของปั๊มพีทีที สเตชั่น รวมถึงผู้ได้รับความเสียหายและเสียชีวิต จากกรณีระเบิดBM21 ถล่มในเหตุปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา ยืนยันไม่ใช่ภัยสงคราม
4 ส.ค. 2568 - พันเอก เฟื่องวิชชุ์ อนิรุทธเทวา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพลังงาน ได้รับมอบหมายจาก นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน พร้อมด้วย นายคณานุสรณ์ เที่ยงตระกูล ผู้ช่วยเลขาธิการสายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้รับหนังสือขอความอนุเคราะห์และขอความเป็นธรรม จากนางกมลรัตน์ พลเศรษฐเลิศ เจ้าของสถานีบริการน้ำมัน พีทีทีสเตชั่น ตำบลบ้านผือ อำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งได้รับผลกระทบจากการยิงลูกระเบิด BM21 จากฝั่งกัมพูชา เป็นผลให้ได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก
“แม้กระทรวงพลังงาน จะไม่ได้มีความเกี่ยวข้องโดยตรง แต่กระทรวงพลังงานเป็นตัวกลางในการประสานงาน และหารือกับทาง คปภ. และผู้บริหารของ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ (OR) ในการหาแนวทางแก้ไขและช่วยเหลือเจ้าของสถานีบริการน้ำมันผู้ได้รับผลกระทบโดยเร็ว”พันเอก เฟื่องวิชชุ์ กล่าว
ด้าน นายคณานุสรณ์ เที่ยงตระกูล ผู้ช่วยเลขาธิการ สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าเรื่องการคุ้มครองประกันภัยและการเยียวยากรณีดังกล่าว ที่กังวลกันว่าบริษัทประกันภัยมีเงื่อนไขจะไม่จ่ายค่าสินไหมทดแทน หากเหตุที่เกิดขึ้นเป็นภาวะสงคราม ว่า จากการตรวจสอบกรมธรรม์ที่ทางเจ้าของปั๊มได้ทำไว้กับบริษัทประกันภัยนั้น ยอมรับว่าปกติกรมธรรม์จะระบุเงื่อนไขว่าไม่คุ้มครองภัยที่เกิดจากสงครามหรือการรุกราน แต่ยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ไม่ใช่ภัยจากสงคราม แต่เป็นการปะทะกันของทหารของทั้งสองประเทศระหว่างแนวชายแดนไทยกัมพูชาเท่านั้นื ไม่ใช่เป็นเหตุการณ์สู้รบระดับประเทศหรือระหว่างรัฐกับรัฐ ในลักษณะที่ถือว่าเป็นภัยสงคราม
“เบื้องต้นจึงต้องตีความเหตุปะทะกันไม่ว่าจะเป็นจังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ และจังหวัดอื่นๆ ระหว่างแนวชายแดนไทยกัมพูชา ไม่ใช่สงคราม เป็นเพียงการปะทะของกองกำลังเท่านั้น และไม่ใช่การรุกรานประเทศ เพราะเป็นเหตุปะทะที่เกิดขึ้นในพื้นที่จำกัดในระยะเวลาอันสั้น เพราะฉะนั้นเชื่อมั่นได้ว่ากรณีที่ประชาชน ปั๊มน้ำมัน หรือผู้ประกอบการที่ทำประกันภัย ประกันชีวิตไว้ ดังนั้น จึงถือว่ากรมธรรม์ยังต้องคุ้มครองและจ่ายค่าสินไหมให้กับผู้ได้รับความเสียหาย บริษัทประกันภัยไม่ควรเอาเรื่องภาวะสงครามมาเป็นเหตุอ้างในการปฏิเสธการจ่ายค่าสินไหมทดแทนทุกกรณีแต่อย่างใด“นายคณานุสรณ์ กล่าว
นอกจากนี้ คปภ.ได้มอบหมายสำนักงานประกันภัยจังหวัดศรีสะเกษลงพื้นที่ตรวจสอบและดูแลผู้ที่ได้รับความเสียหายในปั๊มน้ำมันที่เกิดเหตุ พบว่าปั๊มแห่งนี้ ทำประกันภัยไว้ 2 ประเภท คือ ประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน (IAR) ที่มีการระบุความเสี่ยงอย่างชัดเจน เพื่อไม่ให้ครอบคลุม โดยจะมีความคุ้มครองตัวอาคารทั้งหมดที่อยู่ในปั๊มน้ำมัน อาจมีเงื่อนไขต่างๆ ในกรมธรรม์ จะให้เจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยดูแล แต่มั่นใจได้ว่า กรณีนี้อยู่ในความคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันภัย บริษัทประกันภัยมีหน้าที่เข้าไปตรวจสอบความเสียหายและชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
ส่วนประกันภัยความรับผิดต่อบุคคลภายนอก (Public Liability) ความเสียหายนั้นเป็นความเสียหายที่ไม่ได้เกิดจากปั๊มน้ำมัน แต่เป็นความเสียหายจากบุคคลภายนอกดังนั้นกรมธรรม์ฉบับนี้อาจจะไม่มีความคุ้มครอง อย่างไรก็ตาม คปภ. ได้ประสานไปยังบริษัทประกันภัยดังกล่าว ว่าแม้จะไม่มีความคุ้มครองแต่จะขอให้บริษัทแห่งนี้ให้ความช่วยเหลือเป็น สินไหมกรุณา (Ex-gratia Payment) คือ เงินสินไหมทดแทนที่บริษัทประกันจ่ายให้ด้วยความเห็นอกเห็นใจ ต่อเหตุการณ์ความเสียหายที่ไม่ได้อยู่ในความคุ้มครองของกรมธรรม์
อย่างไรก็ตาม โดยปกติตามกระบวนการทั้งหมดยจะใช้เวลา 45 วัน กรอบการพิจารณาภายใน 15 วัน และจ่ายเงินภายใน 15 วัน โดยหน้าที่ของคปภ. จะเร่งให้เร็วกว่านั้น ซึ่งขั้นตอนกรณีนี้ ได้รับแจ้งเหตุนับจากวันเสาร์ที่ 2 ส.ค. ได้มอบหมายให้ทีมงานลงไปตรวจสอบแล้ว และทางคปภ.ได้เจรจากับผู้บริหารระดับสูงของทั้ง 2 บริษัทประกันภัยแล้ว ซึ่งทางผู้บริหารประกันภัยทั้ง 2 แห่งรับรู้แล้วว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการปะทะ ไม่ใช่ภัยสงคราม ทุกอย่างอยู่ในเงื่อนไขของกรมธรรม์ที่ต้องเยียวยา แต่ไม่สามารถเปิดเผยตัวเลขได้ เพราะเป็นเงื่อนไขของทางบริษัท