ทรัมป์เผยสหรัฐฯ ปิดดีลการค้ากับ ‘ญี่ปุ่น’ จ่อเก็บภาษี 15%
× กรุณาติดต่อทีมงานเพื่อดาวน์โหลดคลิป
วอชิงตัน, 23 ก.ค. (ซินหัว) — เมื่อวันอังคาร (22 ก.ค.) โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปิดเผยการบรรลุข้อตกลงการค้ากับญี่ปุ่น โดยสหรัฐฯ จะจัดเก็บภาษีศุลกากรร้อยละ 15 กับสินค้านำเข้าจากญี่ปุ่น ส่วนญี่ปุ่นจะลงทุนในสหรัฐฯ ราว 5.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 17.71 ล้านล้านบาท) ซึ่งจะได้รับกำไรร้อยละ 90 และเกิดการจ้างงานหลายแสนอัตรา นอกจากนั้นญี่ปุ่นจะเปิดการค้าขายรถยนต์ รถบรรทุก ข้าว สินค้าเกษตรบางรายการ และอื่นๆ กับสหรัฐฯ ด้วย
ก่อนหน้านี้ทรัมป์ส่งจดหมายถึงชิเงรุ อิชิบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น โดยขู่จะจัดเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้กับญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 25 ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. ซึ่งสูงกว่าอัตราร้อยละ 24 ที่เคยประกาศวันที่ 2 เม.ย. หลังจากญี่ปุ่นที่เป็นหนึ่งในคู่ค้าหลักของสหรัฐฯ มีท่าทีแข็งกร้าวในการเจรจาการค้าทวิภาคี
ข้อมูลจากสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ระบุว่าสหรัฐฯ ขาดดุลการค้าสินค้ากับญี่ปุ่นในปี 2024 ราว 6.85 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.2 ล้านล้านบาท) โดยมีการนำเข้าจากญี่ปุ่น 1.48 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.77 ล้านล้านบาท) และการส่งออกสู่ญี่ปุ่น 7.97 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.57 ล้านล้านบาท)
นอกจากนั้นทรัมป์ประกาศการบรรลุข้อตกลงการค้ากับฟิลิปปินส์ หลังจากพบปะหารือกับเฟอร์ดินานด์ โรมวลเดซ มาร์กอส จูเนียร์ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ในวันอังคาร (22 ก.ค.)
ทำเนียบขาวยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์ แต่เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมของข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับอินโดนีเซีย ซึ่งประกาศวันที่ 15 ก.ค. โดยอินโดนีเซียจะยกเลิกการจัดเก็บภาษีศุลกากรราวร้อยละ 99 กับสินค้าอุตสาหกรรม อาหาร และสินค้าเกษตรที่นำเข้าจากสหรัฐฯ พร้อมยกเลิกข้อจำกัดการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมสู่สหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงแร่ธาตุสำคัญ ส่วนสหรัฐฯ จะจัดเก็บภาษีศุลกากรร้อยละ 19 กับสินค้านำเข้าจากอินโดนีเซีย
ทั้งนี้ ทรัมป์ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมเพื่อขยายระยะเวลาะงับการจัดเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ ระยะ 90 วัน จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 9 ก.ค. เป็นวันที่ 1 ส.ค.