พ่อใจสลาย ลูกสาววัย 2 ขวบ กินเยลลี่ ผสมกัญ (ชา) ถูกหามส่ง รพ.ด่วน
5 กรกฎาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ปกครองรายหนึ่ง ได้นำเรื่องเยลลี่กัญชา มาโพสต์ในโซเชียลจนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมากที่เด็กหญิง 2 ขวบ 6 เดือน ได้กินเยลลี่หมี ผสมกัญชา ไป 10 เม็ด ก่อนที่จะไปโรงเรียน โดยไม่ทราบว่าเยลลี่ดังกล่าวนั้นมาจากไหน และได้กินเข้าไป
เมื่อไปถึงโรงเรียน น้องได้มีอาการง่วงนอนจากคลิปและภาพที่ครูประจำชั้นส่งมานั้นลูกสาวของเขานั่งหลับ ตาปรือ ง่วงซึม และไม่ร่าเริงเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาโรงเรียน เมื่อถึงเวลาอาหารกลางวัน ครูปลุกมาทานอาหาร ก็ไม่ตื่น คุณครู จึงโทรเรียกผู้ปกครอง เกรงว่าน้องจะไม่สบาย ทางคุณลุงจึงได้ไปรับและนำตัวน้องส่งโรงพยาบาลทันที
ตอนแรกทางแพทย์ยังหาสาเหตุของอาการป่วยน้องไม่เจอ กระทั่งทางครอบครัว ได้มีการคุยกันทางกลุ่มไลน์ และสอบถาม ว่าวันเกิดของลุงเมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2568 มีใครนำอะไรให้น้องกินหรือไม่ ลักษณะเหมือนคนเมากัญชา จนมีเพื่อนในกลุ่มบอกว่า ได้มีหนุ่มคนหนึ่งพร้อมแฟนสาว ชาวจังหวัดลำปาง ที่เดินทางมาร่วมงานวันเกิดของลุงของเด็ก ได้แอบนำเยลลี่กัญชา มากินในงานเลี้ยง ทางลุงของเด็ก จึงได้สอบถามไป ซึ่งเจ้าของเยลลี่กัญชานั้นก็ยอมรับว่าเป็นผู้นำเยลลี่ไปกิน และลืมนำกลับไปบ้านที่ลำปางด้วย
เมื่อได้ยินเช่นนั้นทางลุงของเด็ก จึงได้ไปบอกแพทย์ เพื่อที่จะทำการรักษาเด็ก ซึ่งทางแพทย์ ต้องฉีดยาให้เด็กเพื่อนอนหลับ เด็กหญิง วัย 2 ขวบ 6 เดือนนั้น นอนหมดสติไปประมาณ 24 ชั่วโมง ทางครอบครัว จึงนำเรื่องนี้มาโพสต์เตือนภัย เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องรับทราบถึงปัญหาส่วนผสมในกัญชา ที่มาผสมกับขนม หรืออาหาร เพราะถ้าเด็กไม่ทราบ และนำไปทาน อาจได้รับอันตรายถึงชีวิตได้
ล่าสุดวันนี้ (5ก.ค.2568) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่พูดคุยกับพ่อของเด็กหญิงดังกล่าว ขณะนี้ได้กลับเข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาลอีกครั้ง หลังจากเพิ่งออกโรงพยาบาลไปเมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2568 เมื่อช่วงบ่าย แต่หัวค่ำวันเดียวกัน ต้องกลับเข้ามารักษาอาการป่วยใหม่ เนื่องจากน้องมีไข้สูง และหูแว่วตลอดเวลา
นาย เอ็ม (นามสมมุติ) อายุ 31 ปี พ่อของเด็กหญิง เปิดเผยว่า ที่ต้องออกมาให้สัมภาษณ์สื่อ และมีการโพสต์เตือนภัยนั้น เพราะไม่ต้องการให้เรื่องนี้ไปเกิดขึ้นกับเด็กคนไหนอีก เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นถือว่าเป็นเสี้ยววินาทีเลยก็ว่าได้ที่ทุกคนภายในบ้านต่างพากันตกใจที่ลูกสาวตนเองมีอาการป่วยง่วงซึมโดยไม่รู้สาเหตุ
แต่เมื่อสอบถามเพื่อนของลุงแล้วทราบว่าได้นำเยลลี่กัญชารูปหมีมากินและลืมนำกลับบ้าน ก่อนที่ลูกสาวตนจะหยิบกระปุกเยลลี่ขึ้นรถไปกินขณะไปโรงเรียนโดยเด็กได้กินเยลลี่ไปถึง 10 ชิ้น เกือบจะช๊อก โชคดีที่คุณครูสังเกตุอาการเด็ก และทางคุณลุงนำตัวหลานสาวส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลา ทำให้ลูกสาวตนรอดจากเหตุการณ์นี้
ซึ่งจากใบรับรองแพทย์ระบุว่า ลูกสาวตนเองเป็นภาวะเปลี่ยนแปลงของระดับความรู้สึกตัวแบบฉับพลันจากการได้รับพิษกัญชาโดยบังเอิญ และโพรงไซนัสอักเสบเฉียบพลัน จึงทำให้ลูกสาวมีอาการป่วย
ดังนั้นจึงต้องการให้คนที่นำเยลลี่กัญชามากินที่บ้านตนออกมารับผิดชอบกับเรื่องนี้ และยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เพราะการที่คุณนำขนมดังกล่าวเข้ามากินส่งผลกระทบต่อครอบครัวของเขาเป็นอย่างมาก ลูกต้องมาป่วยเข้าโรงพยาบาลเกือบเอาชีวิตไม่รอด และไม่สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลที่หมดไป 50,000 กว่าบาทได้ เพราะประกันไม่จ่ายบอกว่าสาเหตุดังกล่าวไม่ได้เกิดจากโรค แต่เกิดจากสารเสพติด
ขณะเดียวกัน อาการของลูกสาวเองก็ไม่ได้หายขาด หลังจากออกโรงพยาบาลไปไม่ถึงครึ่งวันก็ต้องกลับมารักษาตัวที่โรงพยาบาลต่อ เพราะมีไข้และหูแว่วตลอดเวลา และหากรักษาอาการหายแล้วในอนาคตยังไม่รู้ว่าสารจากกัญชาจะไปกระทบกระเทือนต่อสมองเด็กต่อไปในอนาคตหรือไม่
ดังนั้น เมื่อวานนี้ตอนเย็น (4 ก.ค. 2568) ตนได้เข้าแจ้งความ กับ ตำรวจ สภ.หางดง แล้ว พร้อมกับนำกระปุกและเยลลี่สีดำ 2 ตัวที่เหลือไปเป็นหลักฐานส่งให้กับตำรวจ เบื้องต้นทางตำรวจได้รับลงบันทึกประจำวันไว้ก่อนและจะส่งเยลลี่ที่เหลือ 2 ตัวไปตรวจเพื่อหาสารเสพติด
อย่างไรก็ตาม ตนเองอยากให้กรณีของลูกสาวตนเองนั้นเป็นเคสตัวอย่างและต้องการฝากไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง ไม่ควรมีแต่กฎหมายควบคุมดอกกัญชาเท่านั้น ควรมีการควบคุมพวกอาหารและขนมด้วย ซึ่งเด็กที่ไม่ทราบหรือประชาชนที่แพ้กัญชาอาจได้รับอันตรายจากพิษภัยของกัญชาได้