โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เบื้องหลังดีลภาษีทรัมป์ แต่ละประเทศ ต้องแลกอะไรกับสหรัฐฯ ? ไทยเหลือภาษี 19 %

SpringNews

อัพเดต 12 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 17 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ทำเนียบขาวได้ส่งแรงสั่นสะเทือนไปทั่วเศรษฐกิจโลกอีกครั้ง ด้วยการประกาศบังคับใช้ อัตราภาษีตอบโต้ (Retaliatory Tariffs) ที่กำหนดชะตากรรมทางการค้าของหลายสิบประเทศคู่ค้า การเคลื่อนไหวครั้งนี้คือบทสรุปของเกมการเจรจาอันตึงเครียดตลอดหลายเดือน ภายใต้หลักการ "อเมริกาต้องมาก่อน" (America First) ของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งบีบให้แต่ละชาติต้องนำ "ข้อเสนอ" ที่มีนัยสำคัญมาวางบนโต๊ะเจรจา เพื่อแลกกับการบรรเทาผลกระทบจากกำแพงภาษีมหาศาล

สำหรับ ไทย อัตราภาษีถูกกำหนดไว้ที่ 19% ซึ่งเป็นอัตราเดียวกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนอย่างมาเลเซียและอินโดนีเซีย แม้จะเป็นภาระที่หนักหน่วง แต่ก็ยังนับว่าดีกว่าสถานการณ์เลวร้ายที่สุดที่เคยมีการประเมินไว้มากนัก

คำถามสำคัญที่ตามมาคือ เบื้องหลังตัวเลข 19% นี้ ประเทศไทยและชาติอื่นๆ ต้องยอมแลกเปลี่ยนด้วยอะไรบ้าง?

ราคาที่ต้องจ่ายเพื่อเข้าถึงตลาดอเมริกา

หัวใจของนโยบายทรัมป์คือหลักการ "ต่างตอบแทน" (Reciprocity) ที่ชัดเจน การเจรจาจึงไม่ใช่การร้องขอ แต่เป็นการต่อรองที่ต่างฝ่ายต่างต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนที่เป็นรูปธรรม จากข้อมูลที่ปรากฏ ข้อตกลงที่แต่ละประเทศยอมผ่อนปรนเพื่อหลีกเลี่ยงกำแพงภาษีที่สูงกว่านี้ สะท้อนให้เห็นถึงราคาที่ต้องจ่ายอย่างชัดเจน

เจาะลึกเบื้องหลังดีลภาษีทรัมป์ แต่ละประเทศ ต้องแลกอะไรกับสหรัฐฯ ? จนสุดท้ายประเทศไทยเหลือภาษี 19 % จากเดิมที่โดนถึง 36 % Credit ภาพ AFP

เจาะลึกเคสประเทศไทยกับภาษีทรัมป์

เพื่อลดอัตราภาษีจากที่เคยถูกประเมินในสถานการณ์เลวร้ายที่สุดไว้ที่ 36% ลงมาอยู่ที่ 19% มีรายงานว่าไทยได้ยื่นข้อเสนอที่ครอบคลุมหลายมิติ

การเปิดตลาด: ยอมยกเลิกภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ถึง 90% ของรายการสินค้าทั้งหมด ซึ่งเป็นการเปิดเสรีทางการค้าในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน
เพิ่มการนำเข้า: แสดงเจตจำนงที่จะเพิ่มการนำเข้าสินค้าเชิงยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ อย่างมีนัยสำคัญ ประกอบด้วยสินค้าเกษตร, พลังงาน (ก๊าซธรรมชาติเหลว - LNG) และอากาศยาน เพื่อช่วยลดตัวเลขขาดดุลการค้าที่สหรัฐฯ ให้ความสำคัญ
ส่งเสริมการลงทุน: สนับสนุนให้ภาคเอกชนไทยขยายการลงทุนในสหรัฐอเมริกา เพื่อสร้างงานและกระตุ้นเศรษฐกิจอเมริกันโดยตรง

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้สื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียว่า อัตราภาษี 19% "สะท้อนถึงมิตรภาพและความเป็นพันธมิตรที่แน่นแฟ้นระหว่างไทย-สหรัฐฯ" และจะช่วยให้ไทยยังคงสามารถแข่งขันในเวทีโลกได้ พร้อมกล่าวขอบคุณ "ทีมไทยแลนด์" สำหรับความทุ่มเทในสถานการณ์ที่ยากลำบาก

เบื้องหลังดีลภาษีทรัมป์ แต่ละประเทศ ต้องแลกอะไรกับสหรัฐฯ ? ไทยเหลือภาษี 19 %

ภาพรวมทั่วโลก: ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรี

ประเทศไทยไม่ใช่กรณีเดียวที่ต้องเผชิญกับการต่อรองที่แข็งกร้าว รูปแบบการแลกเปลี่ยนเกิดขึ้นกับทุกประเทศที่ต้องการรักษาการเข้าถึงตลาดสหรัฐฯ:

สหราชอาณาจักร (ภาษี 10%): แลกกับการลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ โดยเฉลี่ยเหลือเพียง 1.8% จากเดิม 5.1%
สหภาพยุโรป และ ญี่ปุ่น (ภาษี 15%): สหภาพยุโรปตกลงซื้อพลังงานเพิ่มมูลค่า 7.5 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่ญี่ปุ่นยอมเปิดตลาดรถยนต์และสินค้าเกษตร พร้อมกับการลงทุนในสหรัฐฯ มูลค่ามหาศาลถึง 5.5 แสนล้านดอลลาร์

กลุ่มประเทศอาเซียน (ภาษี 19%-20%): อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ และ เวียดนาม ยอมเปิดตลาดการค้าเสรี (Tariff-Free) ให้กับสินค้าสหรัฐฯ

ขณะที่ มาเลเซีย ตกลงสั่งซื้อก๊าซธรรมชาติและเพิ่มความเข้มงวดในการปราบปรามการลักลอบขนส่งเซมิคอนดักเตอร์

ผู้ได้รับผลกระทบหนัก (ภาษี 40%): เมียนมา และ ลาว คือตัวอย่างของประเทศที่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงที่น่าพอใจได้ ส่งผลให้อุตสาหกรรมหลักอย่างเสื้อผ้าสำเร็จรูปและเฟอร์นิเจอร์ต้องเผชิญกับกำแพงภาษีที่สูงลิ่วจนอาจสูญเสียความสามารถในการแข่งขันไปโดยสิ้นเชิง

สิ่งที่ต้องจับตา

สถานการณ์ครั้งนี้ตอกย้ำว่า ภูมิทัศน์การค้าโลกได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง กฎเกณฑ์ขององค์การการค้าโลก (WTO) ถูกลดทอนความสำคัญลง และถูกแทนที่ด้วยการเจรจาต่อรองแบบทวิภาคีที่อำนาจทางเศรษฐกิจกลายเป็นเครื่องมือสำคัญ

แม้ประเทศไทยจะสามารถหลีกเลี่ยงความเสียหายที่ศูนย์วิจัยกรุงศรีเคยประเมินไว้ว่าอาจสูงถึง 1.64 แสนล้านบาท หากต้องเผชิญกับภาษี 36% ได้ แต่ชัยชนะในการเจรจากลับต้องแลกมาด้วยต้นทุนที่สูงลิ่ว การเปิดตลาดในประเทศ และการปรับนโยบายเพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์ของสหรัฐฯ คือ "ราคา" ที่ต้องจ่าย

ขณะที่ภาคการส่งออกอาจโล่งใจได้เพียงชั่วคราว ความท้าทายในระยะยาวเพิ่งเริ่มต้นขึ้น การปรับโครงสร้างการค้าเพื่อลดการพึ่งพิงตลาดสหรัฐฯ และการหาแนวทางชดเชยข้อแลกเปลี่ยนที่เสียไป จะกลายเป็นโจทย์ใหญ่สำหรับรัฐบาลและภาคเอกชนไทย

ทุกสายตาในขณะนี้กำลังจับจ้องไปที่เส้นตายการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวกำลังจะสิ้นสุดลงในวันที่ 12 สิงหาคมนี้ ผลลัพธ์ของการเจรจาดังกล่าวจะเป็นตัวกำหนดทิศทางลมของเศรษฐกิจโลกในอีกหลายเดือนข้างหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย ในยุคที่การค้าถูกขับเคลื่อนด้วยนโยบายที่แข็งกร้าวและไม่แน่นอนเช่นนี้ ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ว่าพายุลูกต่อไปจะพัดมาเมื่อใด

ที่มา :whitehouse.govtimereutersbangkokbiznewsbloombergscmpasiapacific

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก SpringNews

Senior’s Power: วัยเก๋าไม่มีแก่ – สสส. สานพลังเครือข่าย ขับเคลื่อนสังคมสูงวัยอย่างยั่งยืน

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ประวัติศาสตร์ของอัลตราซาวด์ เทคโนโลยีที่ทำให้เรามองเห็นลูกน้อยในครรภ์

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

จับตาประชุม INC-5.2 เพื่อสนธิสัญญาพลาสติก แก้ปัญหาขยะโลก

10 ชั่วโมงที่ผ่านมา

กรมชลประทานส่งต่อกำลังใจ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในศรีสะเกษ

10 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

วิดีโอ

ปิดประตูตีแมว! จับบ่อนเถื่อนกลางเมือง ยึดเงินสด-อุปกรณ์พนัน และรวบนักพนันเกือบ 30 คน

สวพ.FM91

รัฐเดินหน้ากำจัดแบตเตอรี่ EV ใช้แล้วครบวงจร คาดปี 2586 พุ่ง 2.5 ล้านตัน

ฐานเศรษฐกิจ
วิดีโอ

มึ_คอยดู! คนเขมร เตือน เขมรไม่หยุดยิ_จริง ลั่น _ีมาลี ตอแห_จริงๆ มาบอกแม่ทัพภาคที่ 2 ตา_ได้ไง

BRIGHTTV.CO.TH
วิดีโอ

New projectไฟไหม้

สวพ.FM91
วิดีโอ

CIB รวบสาวใหญ่ สั่งบุหรี่เถื่อนทางออนไลน์ ลอบขายในชุมชน พบลูกค้าเป็นเด็ก-เยาวชน เพียบ อ้างไม่รู้ว่าผิดกฎหมาย

สวพ.FM91

ชัวร์ก่อนแชร์: หินดวงจันทร์ของจีนและสหรัฐฯ มาจากดาวคนละดวง จริงหรือ?

ชัวร์ก่อนแชร์

ชัวร์ก่อนแชร์: หินดวงจันทร์ของจีนและสหรัฐฯ มาจากดาวคนละดวง จริงหรือ?

สำนักข่าวไทย Online

137ฟอง! พบรังไข่เต่ากระ รังที่ 14 บนเกาะทะลุ ย้ายสู่บ่ออนุบาลเฝ้า 24 ชม.

เดลินิวส์

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...