“เทา” สาหร่ายซูเปอร์ฟู้ดจากธรรมชาติ คุณค่าที่มากกว่าอาหารพื้นบ้าน
เทาคือสาหร่ายน้ำจืดที่เติบโตในแหล่งน้ำธรรมชาติของไทยมานาน ถูกนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารพื้นบ้านหลายชนิด แต่ในช่วงหลังเริ่มได้รับความสนใจในฐานะ “ซูเปอร์ฟู้ด” เพราะอุดมด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ทั้งโปรตีน ใยอาหาร แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ
เทาคืออะไร?
เทาคือสาหร่ายน้ำจืดชนิดหนึ่ง มักพบในแหล่งน้ำสะอาด เช่น หนอง บึง หรือลำธารในพื้นที่ภาคอีสาน ลักษณะเป็นเส้นใยสีเขียวคล้ายวุ้น มีความเหนียวหนึบเล็กน้อย และมีกลิ่นหอมตามธรรมชาติ
สรรพคุณและคุณค่าทางโภชนาการของเทา
อุดมด้วยโปรตีนจากพืช
เทาเป็นแหล่งโปรตีนธรรมชาติที่ดี โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่กินมังสวิรัติหรือวีแกน โปรตีนจากสาหร่ายยังย่อยง่ายและไม่ก่อให้เกิดไขมันเลว
มีใยอาหารสูง
ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย บำรุงระบบทางเดินอาหาร ลดอาการท้องผูก และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
แหล่งรวมวิตามินและแร่ธาตุ
สาหร่ายกลุ่มนี้อุดมด้วยวิตามิน B1, B2, C, E และแร่ธาตุต่าง ๆ เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม เหล็ก และไอโอดีน ซึ่งช่วยเสริมสร้างกระดูก เลือด และภูมิคุ้มกัน
สารต้านอนุมูลอิสระ
ในเทามีสารพอลิฟีนอล และฟลาโวนอยด์ ซึ่งช่วยลดการอักเสบ ป้องกันโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน มะเร็ง และโรคหัวใจ
เทาในอาหารพื้นบ้านไทย
แกงส้มเทา
เมนูพื้นบ้านภาคอีสาน รสเปรี้ยวเผ็ด หอมสมุนไพร ผสมผสานกับความเหนียวนุ่มของเทา
แกงเทาใส่ปลาร้า
เมนูท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ กลิ่นหอมจากปลาร้าผสานกับเนื้อสัมผัสหนึบของเทา ทำให้เป็นเมนูยอดนิยมในหลายจังหวัด
ยำเทา
นำเทามาลวกหรือนึ่ง แล้วคลุกกับสมุนไพรและน้ำยำเปรี้ยวหวาน เผ็ดกลมกล่อม ทานเป็นเมนูสุขภาพได้
วิธีเตรียมและบริโภคเทาอย่างปลอดภัย
ล้างให้สะอาดก่อนนำมาปรุงอาหาร เพื่อขจัดเศษดินหรือสารปนเปื้อน
ปรุงให้สุกเพื่อป้องกันพยาธิหรือแบคทีเรียที่อาจปนเปื้อนจากแหล่งน้ำ
หลีกเลี่ยงการเก็บเองจากแหล่งน้ำไม่สะอาด
สำหรับผู้ที่มีปัญหาไทรอยด์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนบริโภคเป็นประจำ เนื่องจากสาหร่ายบางชนิดมีไอโอดีนสูง
เทากับแนวโน้มสุขภาพยุคใหม่
เทาไม่เพียงเป็นอาหารพื้นบ้าน แต่เริ่มถูกนำมาแปรรูปในรูปแบบของผลิตภัณฑ์สุขภาพ เช่น ผงโปรตีนจากสาหร่าย, ขนมเพื่อสุขภาพ, หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในกลุ่ม Plant-based เพราะตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ต้องการลดเนื้อสัตว์และหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น
ข้อควรระวังในการบริโภคเทา
แม้ว่าเทาจะเป็นสาหร่ายที่มีประโยชน์มาก แต่ก็มีข้อควรระวังในการบริโภค ดังนี้:
เสี่ยงต่อการปนเปื้อนโลหะหนัก เทาที่เก็บจากแหล่งน้ำธรรมชาติอาจดูดซับสารพิษหรือโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว ปรอท หรือแคดเมียม จากแหล่งน้ำที่ไม่สะอาดได้ จึงควรเลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น
อาจมีพยาธิหรือเชื้อจุลินทรีย์ปนเปื้อน การกินเทาดิบหรือไม่ผ่านการปรุงสุก อาจทำให้เสี่ยงต่อพยาธิหรือแบคทีเรียจากแหล่งน้ำ เช่น เชื้ออีโคไล หรือซัลโมเนลลา
ผู้ป่วยโรคไทรอยด์ควรระวัง แม้ว่าเทาจะมีไอโอดีนไม่สูงเท่าสาหร่ายทะเล แต่ก็มีแร่ธาตุที่อาจกระตุ้นการทำงานของต่อมไทรอยด์ได้ หากบริโภคในปริมาณมากเป็นประจำ ควรปรึกษาแพทย์ก่อน
ไม่ควรบริโภคในปริมาณมากติดต่อกัน การกินเทามากเกินไปในระยะยาว อาจส่งผลต่อการดูดซึมแร่ธาตุบางชนิด เช่น ธาตุเหล็ก หรือสังกะสี เนื่องจากใยอาหารบางชนิดในสาหร่ายอาจรบกวนการดูดซึมสารอาหารอื่น
สรุป
เทาหรือสาหร่ายน้ำจืดของไทย เป็นมากกว่าแค่วัตถุดิบพื้นบ้าน แต่คือแหล่งสารอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกาย อุดมด้วยโปรตีน ใยอาหาร แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะในยุคที่คนหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น