'กมธ.งบฯ' ค้าน 'สภาฯ' ของบ 177 ล้าน สร้างห้องประชุมให้ ครม.
ที่รัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ที่มี นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ฐานะรองประธานกมธ. เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาการเสนอของบประมาณของสำนักงานเลขาธิการสภาฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากมธ.ได้ซักถามต่อความชัดเจนต่อการเสนอของบประมาณในหลายโครงการที่พบว่าไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน และไม่สมเหตุสมผล รวมถึงมีบางโครงการที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าจะเป็นการเปิดช่องให้มี การทุจริต คอรัปชั่นในงบประมาณของสภาฯ ได้
โดย นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ กมธ. อภิปรายว่า ที่รัฐสภามีห้องประชุมเพื่อไว้รองรับการประชุมของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่รัฐสภา แต่ล่าสุดตนได้ยินว่าจะยุบ 3 ห้องประชุมของกมธ. เพื่อใช้เป็นห้องประชุม ครม. อีก โดยตั้งบไว้ 117 ล้านบาท ซึ่งตนไม่เห็นด้วย และขอคำชี้แจง นอกจากนั้นแล้วในการจัดสรรงบประมาณ มีโครงการที่ตั้งไว้เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์ภายนอกรัฐสภา ซึ่งเป็นงบซ่อมอาคารและพื้นที่ทั้งที่อาคารอยู่ในระยะประกัน โดยรายละเอียดนั้นระบุว่าเป็นการจ้างงานดูแลระบบวิศวกรรม อาคารรัฐสภาและอาคารประกอบ
นายวิสาร กล่าวต่อว่าตนทราบว่าบริษัทที่จะได้รับงานดังกล่าวเป็นบริษัทที่มีกิจการร่วมค้ากับบริษัทผู้รับเหมารายเดิมและบริษัทที่ได้รับงานไอซีทีของรัฐสภา ซึ่งตนมองว่าหากอยู่ในระยะประกันควรให้บริษัทผู้รับจ้างเป็นผู้รับผิดชอบไม่ใช่ใช้เงินของสภาฯ ไปดำเนินการ ทั้งนี้ตนเชื่อว่าเลขาธิการสภาฯ ทราบดีว่าในงานก่อสร้างนั้นส่วนที่มีผลประโยชน์ หรือ กำไร คือ งานส่วนไอซีที ที่มีการบวกมากถึง 40%
“ในช่วง 3-4 เดือนนี้ เลขาธิการสภาฯ อย่าลงนามในสัญญาจ้างใดๆ เพราะแม้ว่าจะเกษียณอายุราชการไปแล้ว แต่คดีที่ถูกยื่นต่อ ป.ป.ช. นั้นตามติดตลอดชีวิต ซึ่งในหลายโครงการของรัฐสภา ผมเชื่อว่าจะมีการคอรัปชั่นอย่างมโหฬาร และหากเป็นไปได้ ผมขอให้ถอนโครงการ เพราะจากงบก่อสร้างรัฐสภา 1.2หมื่นล้านบาท แต่ขณะนี้รวมค่าซ่อมด้วย ต้องใช้งบร่วม 2หมื่นล้านบาท” นายวิสาร อภิปราย
ขณะที่นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ตั้งคำถามต่อการเสนอของบประมาณของสภาฯ เพื่อใช้ในโครงการจัดซื้อรถนำขบวนของประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ รวม 3 คัน มูลค่ารวม 8 ล้านบาท รวมถึงงบประมาณเพื่อจัดซื้อเรือ ได้แก่ เจ็ตสกี จำนวน 2 ลำ เรือตรวจการ จำนวน 2 ลำ มูลค่า 40 ล้านบาท และเรือรับรอง 1 ลำ มูลค่า 40 ล้านบาท ซึ่งมีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน
ทางด้านนายภัณฑิล น่วมเจิม สส.กทม. พรรคประชาชน ฐานะกมธ. อภิปรายท้วงติงต่อการโอนงบประมาณที่เสนอขอในปี2568 ไปทำโครงการอย่างอื่น เช่น งบพัฒนาเยาวชน 19 ล้านบาท ไปเป็นค่าคุรุภัณฑ์ เพื่อปรับปรุงห้องจัดเลี้ยง ชั้นบี1 และ บี2 ย้ายงบ 11 ล้านบาทไปทำไฟส่องสว่างริมแม่น้ำ ย้ายงบเกี่ยวกับกล้องซีซีทีวีของสภาฯ 10 ล้านบาท ไปเป็นเรื่องของจอแอลอีดี นอกจากนั้นแล้วพบว่ายังมีการโอนงบประมาณเพื่อพัฒนาเยาวชนเกี่ยวกับประชาธิปไตย จำนวน 35 ล้านบาท เพื่อนำไปปรับปรุงภูมิทัศน์ คือ นำ้พุ
“กรณีลักไก่แบบนี้ ทำไม่ได้ ต้องตัดทิ้ง อย่างการย้ายห้องสมุดมาอยู่ชั้น1 พบว่ากรมโยธิการและผังเมืองมาออกแบบแล้ว ตามที่ประธานสภาฯ ดำริไว้ ซึ่งเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้ว” นายภัณฑิล อภิปราย
จากนั้น ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาฯ ชี้แจงว่าประเด็นการโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณนั้น เพราะมีการพิจารณาว่าควรแก้ปัญหาด้านต่างๆ สำนักงานเลขาธิการสภาฯ จึงขอเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ในส่วนของการปรับปรุงพิพิธภัณฑ์ วงเงิน 200 ล้านบาทเป็นงบผูกพันนั้น โดยจะมีพื้นที่ MB1 และ ชั้น 11 ยังอยู่ในระหว่างการออกแบบ คาดว่า มี.ค. 69 จะได้ข้อสรุป ทั้งนี้ในส่วนดังกล่าวจะมีค่าควบคุมงาน 6-7 ล้านบาท ส่วนห้องสมุดที่ของบประมาณจัดสร้างใหม่นั้น ข้อเท็จจริงห้องสมุดที่อยู่บริเวณชั้น 9 ไม่ได้ยกเลิก แต่จะสร้างเพิ่มเติมที่ชั้น 1 ซึ่งมีแบบที่ขอความอนุเคราะห์แล้ว ทั้งนี้แต่ยังไม่มีงบดำเนินการ
เลขาธิการสภาฯ ชี้แจงต่อว่าขณะที่ประเด็นเรือตรวจการและเรือรับรองนั้น ได้ปรับตัดออกไปแล้ว ขณะที่อาคารจอดรถนั้น ได้ยกเลิกอีบิดดิ้งแล้ว ส่วนอนาคตจะมีอีกหรือไม่ ต้องให้เป็นส่วนที่เลขาธิการสภาฯ คนใหม่จะพิจารณาตามที่ได้รับมอบนโยบายจากประธานสภา ขณะที่โครงการปรับปรุง ศาลาแก้ว เพื่อไว้รองรับผู้มาวางพวงมาลา และพานพุ่มในวันสำคัญ แต่เมื่อพื้นที่ต้องปรับปรุงพื้นที่ลานราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่7 และต้องมีพระราชพิธี ดังนั้นจึงต้องเตรียมความพร้อมของสถานที่ ส่วนงบประมาณจะมีเท่าไรที่เหมาะสมต้องพิจารณาอีกครั้ง
เลขาธิการสภาฯ ชี้แจงต่อว่า ห้องประชุม ครม. นั้น จะใช้พื้นที่ห้องริมแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณชั้น2 ติดกับห้องของ สส. โดยจะปรับปรุงพื้นที่ เพื่อให้พักรอระหว่างพิจารณาของสภาฯ และส่วนที่เกี่ยวข้องในกรณีที่มีองค์ประชุมใกล้เคียงกัน ซึ่งไม่ได้เบียดบังห้องกมธ.แต่อย่างใด