ตลท. ผนึกเจ้าหน้าที่รัฐ สางปมหุ้นมอร์ ฉ้อโกง-ปั่นราคา เร่งคืนเงินผู้เสียหาย ยกระดับป้องกันซ้ำรอย

ตลท. ผนึกเจ้าหน้าที่รัฐสางปมหุ้นมอร์ ฉ้อโกง-ปั่นราคา เร่งคืนเงินผู้เสียหาย ยกระดับป้องกันซ้ำรอย

เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าสำคัญในการดำเนินการคดีหุ้นบริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) ( MORE) และการยกระดับการทำงานร่วมกันเพื่อตลาดทุนไทย ถือเป็นความร่วมมือที่ดีมาก ระหว่างตลาดหลักทรัพย์ฯ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.)และสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย (ASCO) สะท้อนผลสำเร็จของหน่วยงานที่ดำเนินคดีกับผู้ที่ทำให้ตลาดทุนไทยสูญเสียความมั่นใจ โดยช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ตลาดทุนไทยถือว่าได้รับบทเรียนค่อนข้างเยอะ จึงนำบทเรียนมาพัฒนาปรับระบบและกฎเกณฑ์ เพื่อรองรับไม่ให้เกิดกรณีลักษณะนี้ขึ้นได้อีก อาทิ มาตรการ Auto Pause รายหลักทรัพย์ หากพบการซื้อขายที่ผิดปกติ หรือราคาที่เคลื่อนแบบผิดปกติเกินขอบเขตที่กำหนดไว้ จะใช้มาตรการนี้หยุดการซื้อขายไว้ 60 นาที เพื่อเริ่มต้นใหม่ ทำให้ ตลท.มีการสังเหตุการณ์อยู่ตลอดเวลา รวมถึงใช้เทคโนโลยเข้ามาช่วยวิเคราะห์มากขึ้น เพื่อให้ตอบสนองเหตุการณ์ได้มากขึ้น ไม่รอให้เกิดเหตุลบขึ้นก่อน กันไว้ดีกว่าแก้

“จากข้อมูลล่าสุดที่ติดตาม ยังไม่เห็นหุ้นตัวใดที่เข้าข่ายหรือมีลักษณะการเคลื่อนไหวคล้ายหุ้นมอร์ ที่มีกลุ่มบุคคลเข้ามาร่วมมือกันในการสร้างราคา และฉ้อโกงเงินจากบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทั้งการกู้เงินหลายๆ หลักทรัพย์ ตั้งคำสั่งซื้อขายแบบส่งคำสั่งซื้ออย่างเดียวแต่ไม่จ่ายเงิน ซึ่งบริษัทหลักทรัพย์ในฐานะตัวกลางจะต้องควักเงินจ่ายให้กับนักลงทุนก่อน ซึ่งตอนนี้ยังไม่เห็นกระบวนการแบบนี้ในหุ้นตัวที่มีการติดตามในภาพรวม” นายอัสสเดช กล่าว

ภาษีการค้า 19% เป็นข่าวดี

นายอัสสเดช กล่าวว่า สำหรับกรณีการประกาศอัตราภาษีที่ 19% ของสินค้าไทยจากสหรัฐนั้น ถือว่าเป็นข่าวดี เพราะมีความชัดเจนมากขึ้น เนื่องจากสิ่งที่นักลงทุนไม่ชอบมากที่สุดคือ ความไม่ชัดเจน โดยต้องขอบคุณทีมงานของรัฐบาลที่ผลักดันตัวเลข 19% ออกมา ถือเป็นตัวเลขที่ประเทศไทยไม่เสียเปรียบต่อคู่แข่งทางการค้าระหว่างเพื่อนบ้านของไทย จึงมองเป็นข่าวดีต่อตลาดทุนไทย แต่ต้องศึกษาเพิ่มเติมว่า บริษัทจดทะเบียนใดได้หรือเสียประโยชน์ และมีผลกระทบในเชิงปฏิบัติด้านใดบ้าง

บจ.ส่งออกสหรัฐเพียง 2%

นายอัสสเดช กล่าวว่า ผลกระทบเชิงลบต่อรายได้ของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก โดยเฉพาะส่งไปสหรัฐ และผลต่อความเชื่อมั่น สัญญาณน่าจะดีขึ้น หากย้อนไปดูตัวเลขบริษัทจดทะเบียนไทย ประมาณ 900 บริษัท ตัวเลขการส่งออกไปสหรัฐโดยตรงมีเพียง 2% ของรายได้ทั้งหมดเท่านั้น ผลกระทบในเบื้องต้นจึงไม่ได้รุนแรงตั้งแต่แรกแบบตรงๆ แต่ต้องดูปัจจัยอื่นว่ามีการส่งออกไปผ่านประเทศอื่น หรือรับเพื่อส่งออกไปประเทศอื่นอย่างไร ซึ่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจรวมเกิดจากความไม่แน่นอน หากถูกเก็บที่ 36% ถือว่าไทยเสียเปรียบคู่แข่งการค้า แต่ตัวเลขออกมาที่ 19% ถือเป็นตัวเลขที่มีความเท่าเทียม

หนุนบินไทยกลับตลาดหุ้น

นายอัสสเดช กล่าวว่า การกลับเข้าซื้อขายของสายการบินไทยในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกครั้งนั้น เท่าที่ดูตัวเลขเบื้องต้นถือว่ามีเรื่องราวที่น่าสนใจ เพราะการบินไทยได้เปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างใหญ่หลวง จากบริษัทที่มีกำไรน้อยและขากทุนค่อนข้างมาก กลับมาเป็นหนึ่งในบริษัทสายการบินทั่วโลกที่มีกำไรสูงที่สุด จึงหวังว่าจะเป็นเหตุผลช่วยให้ตลาดหุ้นไทยมีความน่าสนใจมากขึ้น ส่วนเงื่อนไขที่การบินไทยจะจัดซื้อเครื่องบินใหม่เพิ่มอีกบางจำนวน มองว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่จะมีผลต่อการดำเนินธุรกิจของการบินไทยในอนาคต ส่วนจะมีผลมากหรือน้อยต้องจับตาดูในรายละเอียด เมื่อเริ่มการซื้อขายใหม่อีกครั้ง จะต้องเปิดเผยข้อมูลและรายละเอียดที่มีผลกระทบกับนักลงทุนมากขึ้น เพื่อให้ตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง

อาชญากรรม ศก. รูปแบบใหม่

พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า คดีหุ้นมอร์ ถือเป็นพัฒนาการของอาชญากรรมทางเศรษฐกิจอีกรูปแบบหนึ่ง ที่ผู้กระทำผิดอาศัยความรู้ ความชำนาญเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ หรืออยู่ในแวดวงนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) รู้ขั้นตอนวิธีการซื้อขายจนชำนาญสามารถมองเห็นช่องโอกาสที่จะทุจริตได้ เจ้าหน้าที่จึงต้องผสานความร่วมือกันอย่างเข้มข้น จึงสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดบางส่วนได้ จากทั้งหมด 42 ราย และยับยั้งความเสียหายของบริษัทหลักทรัพย์ทั้ง 10 บริษัท รวมความเสียหายประมาณ 4,500 ล้านบาท ที่จะต้องชำระให้กับผู้ขายหลักทรัพย์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ร่วมกระทำผิดด้วย

ทั้งนี้ คดีหุ้นมอร์แบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ คือ 1.คดีฉ้อโกง ศาลมีคำสั่งคืนหรือชดใช้ทรัพย์สินให้บริษัทหลักทรัพย์ผู้เสียหาย 10 ราย รวมมูลค่า 4.5 พันล้านบาท 2.คดีอั้งยี่ 129 ล้านบาทจะคืนให้บริษัทหลักทรัพย์ 10 รายตามสัดส่วนความเสียหาย และ 3.คดีปั่นหุ้น ที่คิดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 226 ล้านบาท ซึ่งส่วนนี้จะเรียกค่าปรับให้ทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน เนื่องจากสอบสวนแยกผู้เสียหายได้ยาก

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ตลท. ผนึกเจ้าหน้าที่รัฐ สางปมหุ้นมอร์ ฉ้อโกง-ปั่นราคา เร่งคืนเงินผู้เสียหาย ยกระดับป้องกันซ้ำรอย

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th