โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สุขภาพ

[บทความ] รู้หรือไม่? อาหารที่คุณกินอาจส่งผลต่อการทำงานของยา

BT Beartai

อัพเดต 10 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 10 ชั่วโมงที่ผ่านมา
[บทความ] รู้หรือไม่? อาหารที่คุณกินอาจส่งผลต่อการทำงานของยา

การทานอาหารและการใช้ยาเป็นสิ่งที่เราทำกันอยู่ทุกวัน การกินอาหารที่ดีสามารถส่งผลดีต่อสุขภาพเรา และการใช้ยาก็ช่วยบำบัดหรือรักษาโรคต่างๆ แต่เราทราบหรือไม่ว่าอาหารบางประเภทที่เราทานอาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของยาได้ ในบางครั้งอาจทำให้ยาไม่สามารถทำงานได้อย่างที่คาดหวัง หรือในบางกรณีอาหารบางชนิดอาจเพิ่มประสิทธิภาพของยาให้ดีขึ้น การศึกษาเรื่องนี้กำลังได้รับความสนใจจากนักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญหลายคน เพื่อใช้ประโยชน์จากผลกระทบที่ไม่คาดคิดนี้ในการเสริมประสิทธิภาพของการรักษาโรค

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับวิธีการที่อาหารสามารถส่งผลต่อการทำงานของยาในรูปแบบต่างๆ ตั้งแต่การเพิ่มประสิทธิภาพจนถึงการทำให้ยาเกิดพิษ ไปจนถึงผลกระทบที่อาจส่งผลเสียต่อร่างกาย โดยเฉพาะเมื่ออาหารที่เราทานมีการปฏิสัมพันธ์กับยาที่เราใช้

ผลกระทบจากอาหารที่อาจทำให้ยาไม่ได้ผลหรือเกิดพิษ

เรื่องราวของชายวัย 46 ปีในรัฐทมิฬนาฑู ประเทศอินเดีย เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจและสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการเข้าใจผลกระทบที่อาหารสามารถมีต่อยา เขามีอาการการแข็งตัวของอวัยวะเพศที่ไม่หายไปหลังจากการทานยาซิลเดนาฟิล (ซึ่งรู้จักกันในชื่อ Viagra) เพื่อรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ แม้ว่าจะทานยาตามที่แพทย์แนะนำแล้วก็ตาม แต่ปัญหากลับยืดเยื้อและไม่สามารถหายไปได้ จนกระทั่งแพทย์พบว่าเขาได้ดื่มน้ำทับทิมก่อนหน้านั้นซึ่งมีผลทำให้ยา Viagra ที่ทานไปมีประสิทธิภาพสูงเกินไป ส่งผลให้เกิดอาการแข็งตัวที่ไม่ยอมหายไป

กรณีนี้ไม่ใช่กรณีเดียวที่แสดงให้เห็นว่าอาหารบางชนิดสามารถส่งผลกระทบต่อการทำงานของยา ในทางการแพทย์มีรายงานหลายกรณีที่พบว่าอาหารบางประเภทสามารถส่งผลให้ยาทำงานได้มากเกินไปหรือทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่คาดคิด

เกรปฟรุต: ผลกระทบที่หลายคนไม่เคยรู้

หนึ่งในตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดของอาหารที่มีผลต่อยา คือ “เกรปฟรุต” ผลไม้ที่เรามักจะมองข้ามและไม่คิดว่าจะมีผลกระทบต่อยาใด ๆ แต่แท้จริงแล้วเกรปฟรุตและน้ำเกรปฟรุตมีผลต่อยาหลายประเภท เช่น ยาลดคอเลสเตอรอล ยารักษาความดันโลหิตสูง และยาหลายตัวที่ใช้รักษาโรคต่างๆ รวมถึงยารักษาโรคมะเร็งและยาที่ใช้ในการป้องกันการปฏิเสธอวัยวะหลังจากการปลูกถ่ายอวัยวะ

สารเคมีในเกรปฟรุตสามารถยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่มีชื่อว่า cytochrome P450 3A4 ซึ่งมีหน้าที่ในการย่อยสลายยาหลายประเภท เมื่อเอนไซม์นี้ถูกยับยั้ง การย่อยสลายยาจะช้าลง ทำให้ยาเหล่านั้นยังคงอยู่ในร่างกายเป็นเวลานานขึ้น และอาจเพิ่มระดับความเข้มข้นของยาในกระแสเลือดจนทำให้ยาเกิดพิษได้

สำหรับยาเช่น Viagra (ซิลเดนาฟิล) การทานเกรปฟรุตในปริมาณมากสามารถทำให้ยาเพิ่มความแรงจนเกินไป ส่งผลให้เกิดอาการข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ เช่น การแข็งตัวของอวัยวะเพศที่ไม่ยอมหายไป และในบางกรณีอาจทำให้เกิดผลกระทบที่รุนแรงถึงขั้นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล

น้ำทับทิม: เพิ่มประสิทธิภาพยาอย่างไม่คาดคิด

น้ำทับทิมก็เป็นอาหารอีกชนิดที่มีผลต่อการทำงานของยาอย่างไม่คาดคิด การดื่มน้ำทับทิมอาจเพิ่มประสิทธิภาพของยาหลายประเภทได้ โดยเฉพาะยา Viagra ที่ผู้ชายในกรณีข้างต้นทาน การดื่มน้ำทับทิมก่อนทานยาทำให้ยาเพิ่มประสิทธิภาพสูงเกินไป โดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งทำให้เกิดอาการข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ เช่น การแข็งตัวที่ไม่หายไป

แพทย์จึงแนะนำให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำทับทิมร่วมกับการทานยา Viagra เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต

กรณีของแครนเบอรี (Cranberry): น้ำผลไม้ที่มีผลต่อยา Warfarin

น้ำแครนเบอรี (Cranberry Juice) ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่มีผลต่อการทำงานของยา โดยเฉพาะยาต้านการแข็งตัวของเลือด “Warfarin” มีรายงานจากผู้ป่วยบางรายที่ดื่มน้ำแครนเบอรีหรือรับประทานแครนเบอรีในปริมาณมากที่ส่งผลให้ยามีฤทธิ์มากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการแข็งตัวของเลือดมากเกินไป

อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาจากการทดสอบหลายชิ้นพบว่า การดื่มน้ำแครนเบอรีในปริมาณปกติไม่น่าจะมีผลกระทบที่ร้ายแรงต่อยาต้านการแข็งตัวของเลือด แต่ก็ยังคงต้องระมัดระวังในการรับประทานอาหารบางประเภทพร้อมกับยา

ผลกระทบจากอาหารเสริมและสมุนไพร

ไม่เพียงแต่ผลไม้และน้ำผลไม้เท่านั้นที่มีผลต่อยา อาหารเสริมและสมุนไพรหลายชนิดก็สามารถมีผลกระทบต่อการทำงานของยาได้เช่นกัน สมุนไพรบางชนิด เช่น ขมิ้น (Turmeric) และดาวเรือง (St. John’s Wort) สามารถทำให้ยาเคมีที่ใช้ในการรักษามะเร็งเกิดความเป็นพิษในตับได้ หรือแม้แต่ทำให้ยาไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ขมิ้นมีคุณสมบัติในการเสริมฤทธิ์ของยาลดการแข็งตัวของเลือดและยาลดน้ำตาลในเลือด ซึ่งอาจทำให้เกิดการตกเลือดหรือระดับน้ำตาลในเลือดต่ำเกินไปได้ ส่วนสมุนไพรอย่าง “St. John’s Wort” สามารถมีผลต่อการทำงานของยาต้านอาการวิตกกังวล ยาต้านซึมเศร้า และแม้กระทั่งยาที่ใช้ในการรักษามะเร็ง

การทดสอบยาและอาหาร

การทดสอบเกี่ยวกับปฏิสัมพันธ์ระหว่างยาและอาหารได้เริ่มมีการทำมาอย่างต่อเนื่อง โดยองค์กรต่างๆ เช่น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) และ European Medicines Agency (EMA) ได้มีการทดสอบผลกระทบจากอาหารที่มีต่อยา เพื่อให้ผู้ป่วยและแพทย์สามารถเข้าใจและหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการทานยาและอาหารร่วมกัน

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการทดสอบเหล่านี้ แต่การทดสอบทั้งหมดไม่สามารถครอบคลุมได้ทุกกรณี เนื่องจากร่างกายของแต่ละคนมีการตอบสนองที่แตกต่างกันไป การศึกษาติดตามผลกระทบจากอาหารต่อยาเป็นเรื่องที่ซับซ้อน และการศึกษาเกี่ยวกับปฏิสัมพันธ์ระหว่างอาหารและยาในระยะยาวยังคงต้องมีการพัฒนาต่อไป

แนวทางในการหลีกเลี่ยงการปฏิสัมพันธ์ระหว่างอาหารและยา

เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดปัญหาจากการทานยาและอาหารที่มีผลกระทบกัน ผู้ป่วยควรทราบถึงอาหารที่อาจส่งผลต่อยาและปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับการรับประทานอาหารในขณะใช้ยา ตัวอย่างเช่น ผู้ที่ใช้ยา Warfarin ควรหลีกเลี่ยงการทานผักใบเขียวในปริมาณมาก เนื่องจากวิตามิน K ในผักใบเขียวสามารถลดประสิทธิภาพของยาได้

นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำผลไม้หรือทานอาหารที่มีผลต่อการทำงานของยาต่างๆ เช่น น้ำเกรปฟรุต น้ำแครนเบอรี และสมุนไพรบางชนิด หากคุณกำลังใช้ยาเฉพาะ

การปฏิสัมพันธ์ระหว่างอาหารและยาเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและสามารถส่งผลต่อการทำงานของยาได้ในหลายๆ รูปแบบ บางครั้งอาหารอาจทำให้ยาเกิดประสิทธิภาพที่มากเกินไป หรือในบางกรณีก็อาจทำให้ยาเกิดพิษได้ อย่างไรก็ตาม การศึกษาและการติดตามผลกระทบจากการปฏิสัมพันธ์ระหว่างอาหารและยาจะช่วยให้เราเข้าใจผลกระทบเหล่านี้ได้ดียิ่งขึ้น และสามารถใช้ประโยชน์จากมันในการเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษาในอนาคต

ดังนั้น หากคุณกำลังใช้ยาอยู่และมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการทานอาหารร่วมกับยา ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่ไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้นจากการปฏิสัมพันธ์ระหว่างอาหารและยา

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก BT Beartai

กระแสซื้อก่อน ผ่อนทีหลัง สะดวกคนรุ่นใหม่ หรือกับดักหนี้ก้อนโต?

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

รวมเคล็ดลับจากโค้ชสมองระดับโลก ปรับชีวิตให้มีความสุขและมั่นใจ

9 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความสุขภาพอื่น ๆ

การหกล้มในผู้สูงอายุ: ปัญหาใหญ่ที่ป้องกันได้ เริ่มง่าย ๆ ด้วย 3 คำถาม

Siriraj Health Tips

10 วิตามินสารต้านอนุมูลอิสระที่จำเป็นต่อร่างกาย ช่วยระบบภูมิคุ้มกัน

PPTV HD 36

"วันบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป" ตรงกับ 25 สิงหาคม ของทุกปี จุดกำเนิดเมนูฮิต กินอย่างไรให้ได้ผลดีต่อสุขภาพ

TNN ช่อง16

นี่คือสิ่งที่ควรกินเพื่อให้มีพลังงานตลอดวัน

TNN ช่อง16

วัดเส้นรอบคอ สามารถชี้วัด ความเสี่ยงโรคหัวใจ การศึกษาชี้

TNN ช่อง16

เครื่องดื่มป้องกันการเมาค้าง ได้ผลจริงหรือ คุณรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เหล่านี้

TNN ช่อง16

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...