ดร.นิเวศน์ ชี้ภาวะหุ้นขึ้นแรงแค่บางตัว-VI ยังถอดใจ เลือกลงทุนยาก
ดร.นิเวศน์ กูรู VI ชี้ภาวะหุ้นทั่วโลกขึ้นแรงแค่บางตัว ระบุแม้แต่นักลงทุน VI ยัง “ถอดใจ” ลำบากเลือกลงทุนยาก
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนเน้นคุณค่า (VI) เขียนบทความเรื่อง “หุ้นขึ้นไม่มี (หุ้น) เรา (แต่หุ้นลงเราลงด้วย)” ลงในเพจสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า โดยระบุว่า “ตั้งแต่ต้นปี 2568 เป็นต้นมาจนถึงวันนี้ หุ้นในตลาดหลักของโลกอย่างเช่นสหรัฐอเมริกา หุ้นในตลาด “โตเร็ว” อย่างเวียตนาม และแม้แต่ตลาดหุ้นไทยที่เคยตกลงมาแรงก่อนหน้านี้ ซึ่งทั้งหมดนั้นเป็นตลาดหุ้นที่คนไทยเข้าไปลงทุนเป็นเรื่องเป็นราว มีการปรับตัวขึ้นอย่างคึกคัก
ดัชนีหุ้น S&P 500 ปรับตัวขึ้นประมาณ 9.6% ดัชนี VN ของเวียตนามปรับตัวขึ้นถึง 28.7% และดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงประมาณ 10% จากที่เคยตกลงไปถึงเกือบ 25% ในช่วงเดือนมิถุนายน 2568 ดังนั้น นักลงทุนทั้งหลายหรือส่วนใหญ่ควรที่จะดีใจและน่าจะมีความหวังที่เต็มเปี่ยมกับการลงทุนในปีนี้ใช่ไหม?
แต่สำหรับหลายคน และรวมถึงตัวผมเองนั้น ผลประกอบการของการลงทุนตั้งแต่ต้นปีมานั้นต้องบอกว่าน่าผิดหวังอย่างแรง พอร์ตตั้งแต่ต้นปียังขาดทุนหนักและแทบไม่ได้ดีกว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยซึ่งเป็นดัชนีอ้างอิงด้วยซ้ำ เหตุผลก็เพราะว่าหุ้นที่เราเลือกและถือลงทุน “ระยะยาว” ซึ่งเน้นการลงทุนเพียงไม่เกิน 10 ตัวหลัก ๆ ในแต่ละตลาดนั้น ไม่ได้ปรับตัวขึ้นตามดัชนีในแทบทุกตลาดหุ้นที่ไป หลาย ๆ ตัวปรับตัวลงมาด้วย
หลายคนเฝ้ามองดัชนีและหุ้นบางตัวที่กำลังวิ่งขึ้นในวันที่ตลาดหุ้นร้อนแรงและก็เห็นหุ้นที่ตนเองถือนิ่งหรือปรับตัวลงวันแล้ววันเล่าก็รู้สึกเศร้าใจและหดหู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี เหตุผลก็เพราะว่าหุ้นตัวที่ถืออยู่นั้นเป็นหุ้นที่ดีและถูก เข้าตำราการลงทุนแบบ VI อยู่แล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะขายทิ้ง
ตรงกันข้าม หุ้นที่วิ่งขึ้นรุนแรงทุกตัวนั้น พื้นฐานทางธุรกิจก็ยังแย่อยู่มาก บางตัวก็อาจจะกำลังฟื้น แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ราคาหุ้นที่ขึ้นไปสูงลิ่วนั้น แพงเกินไปมาก แม้แต่กับหุ้นไฮเท็คสุดยอดของอเมริกาที่กำลังโตจนแทบคับตลาดหุ้น
คอมเม้นต์ที่เห็นบ่อยมากในเว็บเกี่ยวกับการลงทุนในช่วงนี้จึงเป็น “หุ้นขึ้นไม่มี(หุ้น)เรา แต่เวลาหุ้นลง เราลงด้วย” และนั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นเฉพาะกับหุ้นไทย หุ้นเวียตนามและหุ้นอเมริกาก็น่าจะเป็นแบบเดียวกัน เหตุผลก็เพราะว่า หุ้นขึ้นรอบนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่ได้กระจายไปทั้งตลาดแบบที่จะเป็นเมื่อตลาดอยู่ในภาวะกระทิง
หุ้นขึ้นรอบนี้ ถูกนำโดยหุ้นบางกลุ่มหรือบางตัวที่มีขนาดใหญ่มากและหุ้นขึ้นไปแรงมาก ซึ่งส่งผลต่อดัชนีตลาดมหาศาล ในขณะที่หุ้นอื่น ๆ อีกหลายร้อยตัวเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นตัวเล็ก ๆ ที่มีสภาพคล่องต่ำนั้นแทบจะไม่ขึ้นเลย หรือตกลงมาด้วยซ้ำ
ลองดูตลาดหุ้นอเมริกาคือดัชนี S&P 500 ซึ่งหุ้นตัวหลัก ๆ ตอนนี้คือกลุ่มหุ้น 7 นางฟ้า ซึ่งมีมูลค่าตลาดของหุ้นรวมกันถึงประมาณ 32% ของหุ้นทั้งตลาด หุ้น NVIDIA มีมูลค่าสูงถึง 7.6%และให้ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีที่ 34.4% หุ้น ไมโครซอฟท์ มีสัดส่วน 6.8% และให้ผลตอบแทน 23.9% หุ้นเมตาหรือเฟ้ซบุคมีสัดส่วน 3.4% และให้ผลตอบแทนประมาณ 32% ส่วนหุ้นตัวอื่น ๆ อีก 4 ตัวซึ่งประกอบด้วย หุ้นแอปเปิล กูเกิล อมาซอน และเทสลา นั้น ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 5-6% เท่านั้นส่วนหนึ่งเพราะหุ้นเทสลาติดลบถึงกว่า 10%
คิดเฉพาะหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูง 3 ตัวคือ เอ็นวิเดีย ไมโครซอฟท์ และเมตา ก็มีส่วนทำให้ดัชนี S&P ขึ้นไปประมาณ 5.3% แล้ว และถ้าคิดเฉพาะหุ้น 7 นางฟ้า ก็น่าจะมีส่วนทำให้ดัชนี S&P เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1% เป็น 6.3% ดังนั้น ถ้าหุ้น S&P ซึ่งรวมหุ้นทั้งหมดปรับขึ้นไป 9.6% หุ้นเกือบ 500 ตัวในดัชนีที่ไม่รวมหุ้น 7 นางฟ้าก็จะโตขึ้นเพียงประมาณ 3.3% ตั้งแต่ต้นปี
ข้อสรุปก็คือ ถ้าคุณเป็นนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ และคุณไม่ได้ลงทุนในหุ้นสุดยอด 3 ตัวดังกล่าวหรือไม่ได้ลงทุนในหุ้น 7 นางฟ้า ถ้าคุณกระจายความเสี่ยงดี คุณก็น่าจะได้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณแค่ 3% แต่ถ้าหุ้นที่คุณเลือกนั้น “ผิดตัว” คุณก็จะมีโอกาสขาดทุนได้ง่าย ๆ ทั้ง ๆ ที่ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นดีมาก
ดัชนีตลาดหุ้นเวียตนามในช่วงตั้งแต่ต้นปีนั้น ปรับตัวขึ้นอย่าง “ระเบิด” คือปรับตัวขึ้นถึง 28.7% ซึ่งน่าจะ “ดีที่สุดในโลก” แต่ถ้ามองลึกเข้าไป หุ้นขนาดใหญ่ที่มีผลงานดีสุดยอดนั้น มีไม่กี่ตัว เฉพาะอย่างยิ่งก็คือหุ้นในกลุ่ม “VIN Group” ซึ่งประกอบไปด้วย หุ้น VIC ที่เป็นบริษัทแม่ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของตลาดและมี Market Cap. คิดเป็น 8.3% ของทั้งตลาด หุ้นVHM มีขนาดคิดเป็น 7.3% และ VRE 1.3% โดยผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีของหุ้น VIC เท่ากับ 186% VHM 135% และ VRE 77%
คิดไปแล้ว หุ้น 3 ตัวนี้น่าจะมีส่วนทำให้ดัชนี VN ของเวียตนามเพิ่มขึ้นอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของการเพิ่มขึ้นของดัชนีคือ 14.4% เข้าไปแล้ว ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นเวียตนามถ้าไม่นับหุ้นกลุ่ม วินกรุ๊ป 3 ตัวปรับตัวขึ้นไปประมาณ 14.3% และถ้ามองดูแบบคร่าว ๆ ก็จะพบว่าหุ้นอื่น ๆ ที่ปรับตัวขึ้นไปมากกว่าปกติก็คือหุ้นกลุ่มสถาบันการเงิน เช่น ธนาคารและบริษัทหลักทรัพย์ ที่เป็นหุ้นขนาดใหญ่เพียงไม่กี่ตัว
ซึ่งทำให้พอสรุปได้ว่า ตลาดหุ้นเวียตนามที่ขึ้นไปมากนั้น จริง ๆ เป็นการปรับขึ้นของหุ้นขนาดใหญ่ไม่กี่ตัวที่ปรับตัวขึ้นไปอย่างมโหฬารอานิสงค์จากการที่กลุ่มบริษัทเริ่ม “ฟื้นตัว” จากปัญหาการเงินที่รุนแรงจนเอาตัวแทบไม่รอด
สำหรับตลาดหุ้นไทยเองนั้น ผมไม่ได้ศึกษาในรายละเอียด แต่ก็พบว่าหุ้นขนาดใหญ่มากหลาย ๆ ตัว อาทิกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันปตท.และปตท.สผ. หุ้นเดลต้า กลุ่มแบ้งค์ขนาดใหญ่ กลุ่มหุ้นสื่อสารขนาดใหญ่นั้น ราคาหุ้นตกลงมาน้อยหรือเพิ่มขึ้นจากต้นปีบ้าง และเป็นตัวค้ำไม่ให้ดัชนีตลาดโดยรวมตกลงมามากกว่า 10% อย่างที่เห็นล่าสุด
แต่หุ้นขนาดเล็กที่ไม่มีสภาพคล่องและไม่มีคนเล่นนั้น ตกลงมาแรง บางตัวเป็น “หายนะ” พูดง่าย ๆ ถ้าคุณไม่มีหุ้นเหล่านั้น ซึ่งมีจำนวนไม่มาก พอร์ตหุ้นไทยปีนี้มักจะมีผลตอบแทนที่ “เลวร้าย” และน่าจะตกมากกว่า 10% จากต้นปีจนถึงวันนี้
ปรากฎการณ์ที่หุ้นใหญ่เพียงไม่กี่ตัวถูก “เล่น” โดยนักลงทุนจำนวนมาก ด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ และถูก “ขยายกำลัง” หรือพลังในการซื้อโดยโรบ็อต ทำให้หุ้นขนาดใหญ่ถึงยักษ์เหล่านั้นมีราคาพุ่งเป็นจรวด ซึ่งส่งผลให้ดัชนีตลาดพุ่งขึ้นแรง ในขณะที่หุ้นตัวอื่นหรือกลุ่มอื่นอาจจะถูกละเลยจนทำให้ราคาไม่เพิ่มขึ้นตามดัชนีหรือแม้แต่ตามผลประกอบการที่ควรจะเป็น
ทำให้การ “เลือกหุ้น” โดยเฉพาะเพื่อการลงทุนระยะยาวตามพื้นฐานของกิจการโดยเฉพาะในแนว VI นั้น น่าจะลำบากขึ้น อย่างน้อยก็ในแง่ของผลตอบแทนในระยะเวลาสั้นที่อาจจะด้อยลงเมื่อเทียบกับการลงทุนแนวทางอื่น
ในอีกมุมหนึ่งก็คือ มันอาจจะทำให้ VI บางคน “ถอดใจ” และไม่มั่นใจว่าสิ่งที่ตนเองคิดวิเคราะห์เกี่ยวกับตัวหุ้นอาจจะผิด ซึ่งทำให้ราคาหุ้นไม่ไปไหนหรือลดลงไปมากจนทำให้ตนเองรับไม่ไหวและขายหุ้นทิ้งและอาจจะพลาดผลตอบแทนที่อาจจะมาภายหลัง หลังจากที่กระแส “หุ้นตัวใหญ่กินเรียบ” หมดไป
ในความคิดผมเองนั้น ก็คงจะคล้ายวอเร็น บัฟเฟตต์ ที่ช่วงนี้ต้องนั่งมอง “หุ้นนางฟ้า AI” วิ่งเอา ๆ แต่พอร์ตตนเองกลับไม่ค่อยดีนัก โตแค่ประมาณ 5.7% จากต้นปี แพ้ดัชนี S&P ที่ประมาณเกือบ 10% ไม่ต้องพูดถึงหุ้น “สามนางฟ้า AI” ที่โตถึงประมาณ 30% แต่ถึงอย่างนั้น บัฟเฟตต์ก็ดูเหมือนจะไม่กระวนกระวายใจอะไร ยังนั่งทับกองเงินสดกองใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของเบิกไชร์ รอว่าเวลาของหุ้นที่ตนเองถืออยู่จะกลับมาเมื่อไร
ผมเองตอนนี้ก็ร้องเพลงรอว่าเมื่อไรหุ้น “ซุปเปอร์สต็อก” โดยเฉพาะในตลาดหุ้นเวียตนามของผมจะฟื้นกลับมาเมื่อไร โดยไม่ได้คิดว่าจะต้องทำอะไรกับมัน แม้ว่าเพลงที่ร้องนั้นมันเป็น “เพลงเศร้า” เพราะพอร์ตเวียตนามของผมตกลงมาหนักมาก เปรียบเทียบกับตลาดแล้วก็แทบเป็น “หายนะ” และผลงานที่ดีเยี่ยมในปีที่แล้วก็ยังไม่พอเทียบกับดัชนีตลาดที่พุ่งขึ้นมากกว่าในช่วงปีครึ่งที่ผ่านมา จนแทบจะพูดว่า “รู้งี้ ลงทุนในดัชนี VN เสียยังดีกว่า”
อย่างไรก็ตาม ผมก็หวังว่าสถานการณ์แบบนี้จะไม่อยู่คงทน และในที่สุด หุ้นที่ดีในแบบ VI พันธุ์แท้ ก็จะยังเป็นผู้ชนะอยู่ดี แม้จะไม่รู้ว่าต้องรออีกนานแค่ไหน
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ดร.นิเวศน์ ชี้ภาวะหุ้นขึ้นแรงแค่บางตัว-VI ยังถอดใจ เลือกลงทุนยาก
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net