NASA ตั้งเป้าให้สหรัฐฯ เป็นประเทศแรกที่ติดตั้งปฏิกรณ์นิวเคลียร์บนดวงจันทร์ ขณะที่จีน-รัสเซีย ก็กำลังริเริ่มแผนนี้เช่นกัน
ไม่นานมานี้ ฌอน ดัฟฟี (Sean Duffy) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และรักษาการผู้บริหาร NASA ประกาศคำสั่งเร่งด่วน ในการสร้างและติดตั้งเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ (Nuclear reactor) บนดวงจันทร์ภายในปี 2030
แม้ว่าก่อนหน้านี้ NASA จะเคยหารือเกี่ยวกับการติดตั้งเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์บนพื้นผิวดวงจันทร์มาแล้ว แต่ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ ถือเป็นการกำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยสำนักข่าว Politico ระบุว่าดัฟฟียังเสนอให้ลดระยะเวลา ในการปรับปรุงและแทนที่สถานีอวกาศนานาชาติอีกด้วย
ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทั้งจีนและรัสเซีย ได้ประกาศแผนการสร้างปฏิกรณ์นิวเคลียร์อัตโนมัติ บนดวงจันทร์ภายในปี 2035 ทำให้หลายฝ่ายสังเกตว่า ความพยายามของสหรัฐฯ ครั้งนี้อาจสะท้อนการแข่งขันด้านเทคโนโลยีอวกาศ
“นี่คือการพยายามคว้าชัยชนะ ในการแข่งขันทางอวกาศ (Space Race) ครั้งที่สอง” เจ้าหน้าที่อาวุโสของ NASA ผู้ไม่ประสงค์ออกนามกล่าวกับ Politico โดยอ้างอิงถึงการแข่งขันกันอย่างดุเดือด ระหว่างสหรัฐอเมริกากับสหภาพโซเวียต เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศในช่วงสงครามเย็น
นอกจากนี้ คำสั่งดังกล่าวยังระบุว่า ประเทศแรกสามารถติดตั้งเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ได้สำเร็จ อาจ “ประกาศเขตห้ามเข้า (keep-out zone) ซึ่งจะเป็นการขัดขวางสหรัฐอเมริกาอย่างมีนัยสำคัญ” กลายเป็นสัญญาณสำคัญ ที่บ่งชี้ถึงความกังวลของ NASA เกี่ยวกับโครงการร่วมที่จีนและรัสเซียได้ริเริ่มขึ้น
สำหรับรายละเอียดของแผนการสร้างเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ คำสั่งดังกล่าวระบุว่า ภายใน 60 วันต่อจากนี้ NASA จะต้องรับฟังความคิดเห็นจากภาคอุตสาหกรรม เกี่ยวกับการติดตั้งเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาด 100 กิโลวัตต์ ที่จะเริ่มใช้ภายในปี 2030
คำสั่งนี้ยังให้ NASA แต่งตั้งคนที่จะมานำโครงการนี้ และมองหาบริษัทเอกชนอย่างน้อยสองแห่ง ที่สามารถสร้างเครื่องปฏิกรณ์ได้ภายในปี 2030 เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่จีนตั้งใจจะส่งนักบินอวกาศคนแรกไปเหยียบดวงจันทร์
“พลังงานเป็นสิ่งสำคัญ และหากเราต้องการให้ชีวิตบนดวงจันทร์สามารถดำรงอยู่ต่อไปได้ สำหรับการไปดาวอังคาร เทคโนโลยีนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง” ดัฟฟีกล่าว พร้อมชี้ว่า สหรัฐฯ ต้องการแหล่งพลังงาน สำหรับปฏิบัติการระยะยาวของมนุษย์บนพื้นผิวดวงจันทร์
อ้างอิงจาก