‘รสมือแม่’ คืออาหารที่คิดถึงเสมอ เมื่อการเติบโตทำให้รสชาติในความทรงจำเริ่มเลือนราง
คิดถึงไหม อาหารที่แม่เคยทำให้กิน
ถ้าต้องรื้อคุ้ยความทรงจำส่วนต่างๆ ขึ้นมา รสชาติอาหารที่คิดถึงมากที่สุด ก็คงเป็นรสชาติจากอาหารที่คนพิเศษในชีวิตของเราเป็นคนทำให้
‘รสมือแม่’ รสชาติจากจานอาหารของแม่ หนึ่งในเชฟส่วนตัวของใครหลายคน หลายเมนูอาจไม่ใช่จานอาหารที่ยิ่งใหญ่ เป็นแค่ไข่ดาวสักฟอง หรือข้าวผัดไข่ง่ายๆ แต่รสชาติเหล่านี้กลับยังคงติดอยู่ในเศษเสี้ยวของความทรงจำ ต่อให้ไปตามหาที่ไหนหรือปรุงด้วยวัตถุดิบเดียวกันอย่างไร ก็ไม่สามารถเทียบเท่ารสชาติแห่งความทรงจำนี้ได้
แม้ผู้สร้างรสชาตินี้จะไม่มีโอกาสเข้าครัวมาจับตะหลิวทำมื้อแสนพิเศษนั้นให้กินได้อีกต่อไปแล้ว แต่รสมือนี้ยังคงล่องลอยอยู่ข้างในห้วงแห่งความทรงจำของเราเรื่อยมา ถึงบางครั้งมันก็อาจอยู่ลึกลง จนอาจเผลอหล่นหายไปกับกาลเวลาบ้างแล้วก็ตาม
ทำไมรสมือแม่ถึงยังคงอยู่ในความทรงจำของเรา? แล้วเราจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร หากรสชาติที่เคยรักเลือนหายไปจากความทรงจำ?
รสชาติอาหารจางๆ ในความทรงจำอันแสนเลือนลาง
บางครั้งเราก็อาจจำรสชาติของข้าวคำแรกที่เคยทานในวัยเด็กได้ ความอร่อยนั้นยังคงติดอยู่ในความทรงจำ ไม่เคยไปไหน
การที่เรายังคงจำรสชาติของบางอย่างได้ แม้เวลาจะล่วงเลยมานานแค่ไหนแล้วก็ตาม นั่นเพราะระบบต่างๆ ของมนุษย์เชื่อมโยงกันไปมาอย่างน่าอัศจรรย์ โดยสมองส่วนที่ทำหน้าที่รับรู้รสชาติและกลิ่นของเรา เชื่อมต่อใกล้ชิดกับระบบลิมบิก (limbic system) ที่มีสมอง 2 ส่วนหลักในการทำหน้าที่นี้ คือ ฮิปโปแคมปัส (hippocampus) มีบทบาทสำคัญในการสร้างความทรงจำระยะยาวและกักเก็บความทรงจำต่างๆ และอีกส่วนคือ อะมิกดาลา (amygdala) ทำหน้าที่ตอบสนองทางอารมณ์ ผ่านการประมวลผลพฤติกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้น
ด้วยการทำงานของสมองทั้ง 2 ส่วน เมื่อเราทานอาหารอะไรเข้าไป ความรู้สึกที่ได้รับจากรสชาตินั้นจึงถูกลำเลียงผ่านเข้าไปในสมอง และเข้าไปเก็บข้างในความทรงจำเหมือนเวลาเราเผชิญกับเรื่องราวต่างๆ เมื่อได้ลิ้มรสชาติเหล่านี้อีกครั้ง ความทรงจำทั้งหลายที่ถูกยัดเอาไว้ในลิ้นชัก จึงพรั่งพรูออกมาอีกครั้งนั่นเอง
นอกจากนี้ ในบทที่ 6 ของ Neural Plasticity and Memory: From Genes to Brain Imaging ซึ่งเขียนโดย ทาคาชิ ยามาโมโตะ (Takashi Yamamoto) และยาสุโนบุ ยาโอชิม่า (Yasunobu Yasoshima) ผู้ศึกษาเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างรสชาติและความทรงจำ ได้เสนอเอาไว้ว่า ความทรงจำจากรสชาติจะเกิดชัดขึ้นก็ต่อเมื่อการกินนั้นสร้างผลลัพธ์ที่น่าพอใจหรือไม่น่าพอใจต่อร่างกาย เช่น เราเคยกินก๋วยเตี๋ยวร้านนี้แล้วท้องเสีย หรือเคยกินข้าวผัดร้านนู้นแล้วอร่อยมาก เมื่อเราได้รับความทรงจำจากรสชาติเหล่านั้นแล้ว เวลาเราเห็นอาหารเหล่านั้นอีกครั้ง เราก็จะนึกถึงหรือคาดเดารสชาติเหล่านั้นออก แม้จะยังไม่ชิมมันเลยก็ตาม
และสำหรับรสมือแม่ รสชาติเหล่านั้นไม่ใช่แค่รสชาติอาหารธรรมดา แต่เป็นรสชาติที่ประกอบสร้างมาจากความอบอุ่นและผูกพัน ผลลัพธ์จากการทานอาหารในวันวาน จึงกลายเป็นภาพความทรงจำที่ยังคงชัดเจน แม้ว่ากาลเวลาจะหมุนผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม
อาหารของแม่อร่อยเสมอ
หากนึกย้อนกลับไปในวัยเด็ก หลังจากวันที่เหน็ดเหนื่อยจากโรงเรียน แม่ก็จะเตรียมอาหารเย็นรอเราไว้เสมอ พอนั่งลงที่โต๊ะและตักอาหารใส่ปาก รับรู้ถึงรสชาติที่คุ้นเคย ความอร่อยของอาหารแสนธรรมดาทั่วไปยังคงตราตรึงใจเรื่อยมา แม้จะเป็นเมนูเดียวกัน วิธีปรุงเดียวกัน แต่รสชาติก็ไม่เคยสู้รสมือของผู้หญิงคนนี้ได้เลยด้วยซ้ำ ‘อยากให้อาหารทุกจานรสชาติเหมือนที่แม่เคยทำให้กินจัง’
คริสตี้ เฟอร์กูสัน (Christy Fergusson) นักจิตวิทยาด้านอาหาร เคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับรสชาติอาหารจากจานของแม่ ผ่าน dailymail เอาไว้ว่า การรับรู้รสชาติทางอารมณ์ของเราสามารถเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ด้วยเวลา ความรัก และความใส่ใจที่ทุ่มเทลงไปในมื้ออาหาร
นอกเหนือจากนี้ บริษัท Birds Eye ผู้ผลิตอาหารแช่แข็งรายใหญ่ของอังกฤษ ยังเคยทำแบบสำรวจเกี่ยวกับรสชาติอาหารกับความรู้สึก ผ่านการจัดเลี้ยงมื้ออาหารค่ำวันคริสต์มาสแบบเดียวกันทั้ง 2 กลุ่ม โดยให้กลุ่มแรกทานอาหารในห้องที่ตกแต่งอย่างดิบดี และแจ้งกับผู้ทดลองว่าอาหารที่มาเสิร์ฟได้รับการปรุงอย่างพิถีพิถันโดยทีมเชฟมืออาชีพผู้เชี่ยวชาญด้านการปรุงอาหารมื้อครอบครัว ในอีกทางหนึ่ง กลุ่มที่สองจะได้รับประทานอาหารในบรรยากาศธรรมดา ไม่ได้ตกแต่งอะไรมากมาย แถมไม่ได้มีระบุเกี่ยวกับทีมเชฟด้วย
จากผลการทดลองพบว่า กว่า 58% ของผู้ทดลอง เพลิดเพลินกับอาหารมากขึ้น เมื่อรู้ว่าปรุงด้วยเวลาและความเอาใจใส่ในระดับหนึ่ง โดยพวกเขาเชื่อว่าอาหารของพวกเขามีรสชาติที่ดีกว่าอีกกลุ่ม แม้จะเป็นอาหารชนิดเดียวกันก็ตาม
ดังนั้นเวลาเรากินอะไรที่เปี่ยมไปด้วยความใส่ใจและความรัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งมื้ออาหารจากผู้เป็นแม่ที่ตั้งใจทำให้กับเรา มันจึงกลายเป็นจานอาหารที่มีรสชาติที่พิเศษกว่าจานไหนๆ
เมื่อถึงวันที่รสชาติจางหายไป
วันนี้เราลืมชื่อเพื่อนสมัยอนุบาลฉันใด รสมือแม่ที่เคยจดจำได้ดี ก็อาจถูกลืมเลือนไปจากความทรงจำฉันนั้น เพราะความทรงจำใหม่ พร้อมมาแทนที่ของเก่าเสมอ
รสชาติจากมื้ออาหารของแม่ที่เคยร่วมโต๊ะกินพร้อมหน้าพร้อมตาเมื่อครั้งยังเด็ก กลับค่อยๆ หายไปทีละนิด ยิ่งเราเติบโตขึ้นมากเท่าไหร่ รสชาติในความทรงจำเหล่านั้นก็อาจถูกฝังลึกลงไปมากขึ้นเท่านั้น จนวันหนึ่งเราอาจจะลืมไปแล้วว่า เคยมีรสชาติเช่นนั้นอยู่จริง
หากใครโชคดี ผู้เป็นแม่ก็อาจเคยจดสูตรอาหารเอาไว้ เหมือนกับที่บี ลูอิส (Bea Lewis) ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารและโภชนาการ เคยเล่าถึงการรื้อฟื้นรสมือแม่จากความทรงใจ ใน The Ethel เอาไว้ว่า แม่ของเธอมักจดสูตรอาหารเอาไว้อยู่เสมอ พอถึงวันที่แม่จากไป เธอจึงได้เอาสูตรดังกล่าวออกมา พร้อมกับลองทำเมนูในความทรงจำของ แม้จะรับรู้ว่านี่อาจไม่ใช่รสชาติที่ถูกต้องเท่าไหร่นัก หากแต่มันก็ทำให้เธอได้หวนนึกถึงช่วงเวลาดีๆ ระหว่างเธอและแม่อีกครั้ง
แต่ไม่ใช่ว่าแม่ทุกคนจะจดทุกสูตรอาหารเอาไว้ให้เราเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เราก็คงไม่สามารถรื้อฟื้นรสมือแม่ได้จากที่ไหน สิ่งที่เราสามารถทำได้ ก็คงเป็นการค่อยๆ ยอมรับ ถึงการจางหายไปของรสชาติแห่งความทรงจำ
แม้จะเป็นเรื่องที่น่าหนักใจ เมื่อรสชาติที่เรารักค่อยๆ เลือนหายไป จนอาจไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยวแห่งความทรงจำ ทว่ามันก็ไม่ได้ว่างเปล่าเสียทีเดียว เพราะนอกจากรสมือที่แม่ทิ้งเอาไว้ เรายังมีความรัก ความเอาใจใส่ และความทรงจำจากช่วงเวลาดีๆ ที่เคยมีร่วมกัน ซุกซ่อนเอาไว้อยู่ข้างในใจ มีเพียงเราเท่านั้นที่รู้ว่ามันอยู่ตรงไหน มันอาจมองไม่เห็นเป็นรูปร่างและสัมผัสไม่ได้ชัดเจน แต่เมื่อใดที่เราต้องการ มันก็จะโผล่ขึ้นมาพร้อมโอบอุ้มใจเราเสมอ
ถ้าหากความทรงจำมีวันหมดอายุ ก็ขอให้มันมีอายุยืนยาวได้ถึงหมื่นปี เพื่อที่รสชาติของคนที่เรารัก จะได้อยู่เคียงข้างเราไปนานที่สุดเท่าที่จะจดจำไหว
อ้างอิงจาก
Graphic Designer: Krittaporn Tochan
Editorial Staff: Runchana Siripraphasuk