ไฟเขียวโยกงบกระตุ้นศก.2.6หมื่นล. ใส่เงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินจำเป็น
‘ครม.’ ไฟเขียวโยกงบกระตุ้นเศรษฐกิจที่เหลืออีก 2.6 หมื่นล้านบาท ไปใส่ไว้ในงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ดันโตแตะ 1.22 แสนล้านบาท หลังประเมินหน่วยงานผูกพันงบไม่ทัน 30 ก.ย. 68
26 ส.ค. 2568 - นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 26 ส.ค. 2568 รับทราบรายงานความคืบหน้าการขอรับจัดสรรและผลการอนุมัติจัดสรรข้อเสนอโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท ตามที่ ครม. มีมติอนุมัติเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2568 โดยจากข้อมูล ณ วันที่ 19 ส.ค. 2568 สำนักงบประมาณได้พิจารณาอนุมัติงบประมาณให้หน่วยรับงบประมาณแล้วทั้งสิ้น 49 หน่วยรับงบประมาณ 8,431 รายการ วงเงินรวม 109,800.1741 ล้านบาท โดยพิจารณาตามหลักฐานและข้อเท็จจริงที่หน่วยรับงบประมาณจัดส่งให้ รวมทั้งหลักเกณฑ์ อัตราค่าใช้จ่าย ระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ ยังรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการกำกับและติดตามผลการดำเนินงานตามแผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยคณะอนุกรรมการกำกับและติดตามผลการดำเนินงานตามแผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ได้เห็นชอบให้ใช้ DASHBOARD “แผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 1.57 แสนล้านบาท” เป็นเครื่องมือในการกำกับและติดตามของคณะอนุกรรมการกำกับฯ และให้หน่วยรับงบประมาณใช้ DASHBOARD ดังกล่าว เพื่อใช้ในการกำกับดูแลและเร่งรัดการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดและเป็นไปตามวัตุประสงค์ของแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฯ ต่อไป
ขณะเดียวกัน ที่ประชุม ครม. ได้รับทราบการใช้วงเงินงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจส่วนที่เหลือ โดยพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 กำหนดวงเงินงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ จำนวน 1.87 แสนล้านบาท โดยมีโครงการที่ใช้จ่ายจากงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ ได้แก่ 1. โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งเบิกจ่ายงบประมาณ จำนวน 3.04 หมื่นล้านบาท และนำเงินจัดสรรส่งคืนเงินแล้ว จำนวน 531 ล้านบาท
2. ข้อเสนอโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ รวม 8,939 รายการ วงเงิน 1.15 แสนล้านบาท และ 3. ข้อเสนอโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ ระยะที่ 2 วงเงินไม่เกิน 1.84 หมื่นล้านบาท ดังนั้น เมื่อพิจารณางบประมาณคงเหลือจากการดำเนินการและอนุมัติเงินจัดสรรข้างต้น คาดว่างบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ จะคงเหลือประมาณ 2.6 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ เนื่องจากยังไม่มีข้อเสนอโครงการเพื่อขอรับจัดสรรงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ ประกอบกับเมื่อพิจารณาจากระยะเวลาที่เหลืออยู่ซึ่งเป็นช่วงใกล้สิ้นปีงบประมาณการจัดทำโครงการโดยใช้จ่ายจากงบกลาง รายการดังกล่าว มีขั้นตอนการพิจารณาหลายขั้นตอน รวมไปถึงกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างและการก่อหนี้ผูกพันที่อาจจะไม่สามารถดำเนินการได้ทันภายในวันที่ 30 ก.ย. 2568 ซึ่งจะส่งผลให้งบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ ที่เหลืออยู่พับไปโดยผลของกฎหมาย ดังนั้น เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการดังกล่าวที่เหลืออยู่เกิดประสิทธิภาพสูงสุด สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว คล่องตัว และมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับสถานการณ์ ผู้อำนวยการงบประมาณสามารถโอนงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ ไปเพิ่มในรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
“การโอนงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ มาสมทบงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นอีกจำนวน 2.6 หมื่นล้านบาท จะทำให้งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพิ่มขึ้นจาก 9.65 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 2.57% ของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เป็นจำนวน 1.22 แสนล้านบาท คิดเป็น 3.27% ของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ซึ่งจะทำให้เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ ส่วนที่เหลืออยู่เกิดประสิทธิภาพสูงสุด สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว คล่องตัว และมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับสถานการณ์ของประเทศต่อไป” นายพิชัย กล่าว