หุ้นดาวโจนส์วันนี้ 13 สิงหาคม 2568 ปิดพุ่งกว่า 480 จุด หนุนแรงจากตัวเลข CP

เผยแพร่ 16 ชั่วโมงที่ผ่านมา

หุ้นดาวโจนส์วันนี้ 13 สิงหาคม 2568 ปิด 44,458.61 จุด เพิ่มขึ้น 483 จุด หนุนแรงจากตัวเลข CPI คาดเฟดหั่นดอกเบี้ยปลายเดือนนี้

ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดสัปดาห์ด้วยการปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในวันอังคารที่ 12 สิงหาคม โดยดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้นกว่า 483 จุด หรือ 1.10% ปิดที่ระดับ 44,458.61 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ก็ปรับตัวขึ้นเช่นกันและปิดทำสถิติสูงสุดใหม่ในประวัติการณ์ หลังสหรัฐฯ รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนกรกฎาคมที่ตรงกับความคาดหมายของตลาด ส่งผลให้นักลงทุนมีความหวังมากขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด จะลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมครั้งถัดไปในเดือนกันยายน

ตัวเลขเงินเฟ้อหนุนความเชื่อมั่นเฟดลดดอกเบี้ย

รายงานจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค หรือ CPI เดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้นเพียง 0.2% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ซึ่งตรงกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ หลังจากที่เดือนมิถุนายนตัวเลขนี้ปรับขึ้น 0.3% ส่วนเมื่อเทียบเป็นรายปี ตัวเลข CPI เดือนกรกฎาคมอยู่ที่ 2.7% ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 2.8% และเทียบเท่ากับระดับในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

ตัวเลขเงินเฟ้อที่ออกมานี้เป็นสัญญาณบวกต่อตลาด เพราะสะท้อนว่าแรงกดดันด้านราคายังไม่สูงเกินไป และช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะมีแนวโน้มผ่อนคลายนโยบายการเงินด้วยการลดอัตราดอกเบี้ย โดยนักลงทุนได้เพิ่มน้ำหนักความเป็นไปได้ที่จะมีการลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนกันยายนนี้เป็น 98% จากเดิมที่ 89%

ปัจจัยเสริมจากความคืบหน้าด้านการค้าและนโยบายการเงิน

นอกจากตัวเลขเงินเฟ้อที่ส่งสัญญาณบวกแล้ว ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่สหรัฐฯ และจีนได้ขยายเวลาการเก็บภาษีศุลกากรซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งทางการค้าออกไปจนถึงวันที่ 10 พฤศจิกายน ซึ่งช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดทางการค้าในระยะสั้นและสร้างบรรยากาศที่ดีต่อตลาดการเงิน

ในขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาเรียกร้องให้เฟดลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยคำพูดดังกล่าวได้รับการจับตามองอย่างใกล้ชิดจากนักลงทุนซึ่งมองว่าอาจเป็นแรงกดดันต่อเฟดในการผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้น

ความเคลื่อนไหวในกลุ่มหุ้นสำคัญ

หุ้นในกลุ่มต่างๆ ของตลาดตอบสนองต่อข่าวและตัวเลขเศรษฐกิจด้วยการปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยหุ้นในกลุ่มบริการด้านการสื่อสารพุ่งขึ้น 1.8% และหุ้นเทคโนโลยีปรับขึ้น 1.4% โดยเฉพาะหุ้นของอัลฟาเบท (Alphabet) ซึ่งเพิ่มขึ้น 1.2% หลังมีรายงานว่าบริษัทสตาร์ตอัปด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ชื่อ เพอร์เพล็กซิตี (Perplexity) ได้เข้าซื้อเบราว์เซอร์ Chrome ของอัลฟาเบทด้วยมูลค่าสูงถึง 34.5 พันล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ หุ้นอินเทล (Intel) ยังพุ่งขึ้นอย่างมากถึง 5.6% หลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้พบและกล่าวยกย่องซีอีโอของอินเทล ลิป-บู ตัน โดยการพบปะครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณคลี่คลายความตึงเครียด หลังจากก่อนหน้านี้ทรัมป์เคยเรียกร้องให้นายตันลาออกด้วยเหตุผลเกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อนกับบริษัทจีน

ในกลุ่มธนาคาร ดัชนี S&P500 Banks Index ปรับตัวขึ้น 2.1% จากความเห็นของนักวิเคราะห์ที่ระบุว่า ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นและระยะยาวที่ชันขึ้น (steepening yield curve) จะช่วยหนุนผลกำไรของธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากธนาคารสามารถกู้ยืมด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำและปล่อยกู้ในอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น

หุ้นสายการบินได้รับแรงหนุนโดดเด่นเช่นกัน โดยดัชนีหุ้นสายการบินพุ่งขึ้น 8.87% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นแรงที่สุดในรอบกว่าหนึ่งเดือน จากข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าค่าโดยสารเครื่องบินเพิ่มขึ้น 4% ในเดือนกรกฎาคม

นักลงทุนรอติดตามข้อมูลเศรษฐกิจเพิ่มเติม

แม้ตลาดจะมีปัจจัยหนุนมากมายในช่วงนี้ นักลงทุนยังคงจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่กำลังจะเปิดเผยในสัปดาห์นี้ เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนและประเมินทิศทางนโยบายการเงินของเฟดต่อไป โดยมีข้อมูลสำคัญที่จะประกาศในวันถัดไป เช่น

จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนกรกฎาคม
และในวันศุกร์จะมีการเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม ได้แก่
ยอดค้าปลีก
ราคานำเข้าและส่งออก
ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index)
การผลิตภาคอุตสาหกรรม
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยชี้ทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในระยะถัดไป และเป็นตัวแปรสำคัญที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นและการตัดสินใจด้านนโยบายการเงินของเฟด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง