ตลาดซูเปอร์คาร์หนืด ลัมโบร์กินี ปรับลดราคา รับภาษี PHEV ใหม่
ซูเปอร์คาร์ เคยเป็นตลาดที่อยู่เหนือภาวะเศรษฐกิจ กล่าวคือ ไม่ว่าสถานการณ์ในประเทศจะย่ำแย่จากปัจจัยใดๆก็ตาม แต่เมื่อมีรถใหม่เปิดตัว ลูกค้ากลุ่มนี้ไม่เคยรีรอที่จะเป็นเจ้าของ
ที่ผ่านมา ตลาดรถหรูระดับ 12-20 ล้านบาท มียอดขายเฉลี่ย 500 คันต่อปี และรถเกิน 20 ล้านบาทขึ้นไปอยู่ที่ 200 คันต่อปี (ถ้าจังหวะดีๆ ยอดขายสูงขึ้นกว่านี้)
ทว่าในปัจจุบัน เศรษฐกิจฝืดเคือง และกลายเป็นว่ากลุ่มที่มีกำลังซื้อไม่มีอารมณ์จับจ่ายใช้สอย (ส่วนหนึ่งเพราะสถานการณ์บ้านเมือง) ส่งผลให้ยอดขายรถหรูซึมถ้วนหน้า และลามไปถึงแบรนด์ซูเปอร์คาร์
สำหรับลัมโบร์กินี ปัจจุบันมีรถ 3 โมเดล คือซูเปอร์คาร์ตัวท็อป Revuelto เครื่องยนต์ V12 เอสยูวี Urus และน้องเล็ก Temerario ซึ่งเป็นรถปลั๊ก-อินไฮบริดทั้งหมด
นายอภิชาติ ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการ เรนาสโซ มอเตอร์ ผู้จำหน่ายรถยนต์ลัมโบร์กินีอย่างเป็นทางการ เปิดเผยว่า หลังการเปิดตัว Lamborghini Temerario ยอดจองไม่ได้เข้ามาสูงมาก กับการเป็นสปอร์ตคาร์ระดับเริ่มต้น หรือเทียบกับรุ่นก่อนอย่าง Huracan ที่ช่วงเปิดตัวกระแสดีมาก
Lamborghini Temerario ตอนนี้มียอดจองเข้ามากว่า 10 คัน จะเริ่มส่งมอบรถเดือนมีนาคมปี 2569 ราคาเริ่มต้น 23.76 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่คำนวณมาจากโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่แล้ว
“โครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ ที่จะเริ่มใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2569 จะส่งผลให้รถยนต์ลัมโบร์กินีทุกรุ่น ราคาลดลง”
เดิมกลุ่มซูเปอร์คาร์ ที่เครื่องยนต์เกิน 3.0 ลิตร ทั้งปลั๊ก-อินไฮบริด และเครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) จะเสียภาษีเท่ากันที่ 40% แต่โครงสร้างภาษีใหม่หากเป็นรถปลั๊ก-อินไฮบริด จะเสียลดลงเหลือ 30%
ส่วนกลุ่ม ICE จะเพิ่มเป็น 50% ส่งผลให้ในปีหน้าราคารถลัมโบร์กินี จะลดลงทุกรุ่นเฉลี่ย 15% เช่น Lamborghini Urus SE จากราคา 24.95 ล้านบาท เหลือ 21.5 ล้านบาท
ดังนั้น ลูกค้าที่ซื้อรถในปีนี้ เราจะแจ้งว่าถ้ารับรถปีหน้าจะได้ราคาใหม่ที่ลดลงจากโครงสร้างภาษีสรรพสามิต ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ยินดีที่จะรอ
เรามีหน้าที่ต้องแจ้งข้อมูลที่แท้จริงแก่ลูกค้า แน่นอนว่าส่วนใหญ่จะรอรับรถปีหน้า ทำให้ Lamborghini Urus SE ที่นำเข้ามาแล้วต้องจอดรออยู่ในเขตฟรีโซน รอภาษีสรรพสามิตใหม่ที่จะมีผลบังคับใช้ 1 มกราคม 2569 แล้วค่อยทำพิธีการศุลกากรนำของออก
นายอภิชาติ กล่าวว่า ด้วยสภาพเศรษฐกิจ และผู้คนไม่มีอารมณ์จับจ่ายใช้สอย จากสถานการณ์ของประเทศในปัจจุบันรวมถึงการลงทุน ที่ติดอยู่ในทรัพย์สินบางอย่างส่งผลให้ตลาดซูเปอร์คาร์ชะลอตัว รวมถึงการขยับเวลาการส่งมอบรถออกไปเป็นต้นปีหน้า ทำให้ยอดขายของลัมโบร์กินี
ปีนี้ถือว่าต่ำสุดในรอบ 7 ปี (ไม่นับรวมปีแรกที่เข้ามาเป็นตัวแทนจำหน่าย) ยอดขายลัมโบร์กินีปีนี้ คาดว่าจะทำได้ 28 คัน ถือว่าต่ำสุดจากที่เคยขายได้กว่า 70 คันต่อปี แต่ปี 2569 คาดว่าสถานการณ์จะดีขึ้นเป็น 50 คัน ในจำนวนนี้จะเป็นของ Lamborghini Temerario 20 คัน